X

ไทยพร้อมจับมืออาเซียน เป็นศูนย์กลาง EV ระดับโลก

Last updated: 20 ส.ค. 2566  |  317 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไทยพร้อมจับมืออาเซียน เป็นศูนย์กลาง EV ระดับโลก

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค และร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนจะมีการเห็นชอบเอกสารทั้ง 2 ฉบับร่วมกัน ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 22 วันที่ 6-7 พ.ค. 66 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 วันที่ 10-11 พ.ค. 66 ที่ประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับสาระสำคัญของร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค เป็นเอกสารการแสดงเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาระบบนิเวศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการปล่อยคาร์บอน ตลอดจนสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน โดยส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาระบบนิเวศสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคผ่านการกระจายการลงทุน และการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน

รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานกันทั้งจากภายในประเทศสมาชิกเอง จากภาคีภายนอกและภาคเอกชน เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสถานีอัดประจุไฟฟ้า การสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและบรรยากาศเพื่อดึงดูดการลงทุน ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกและเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค

นอกจากนี้ในอนาคตอาเซียนจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้น คือ ติมอร์-เลสเต ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นเอกสารที่กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีตามความตกลงของเสาเศรษฐกิจอาเซียนที่ติมอร์-เลสเต ต้องดำเนินการให้สำเร็จ ก่อนการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างสมบูรณ์ โดยติมอร์-เลสเต จะต้องมีความพร้อมในการดำเนินการตามความตกลงและตราสารสำหรับเสาประชาคมเศรษฐกิจภายในร่างภาคผนวกรวมทั้งสิ้น 220 ฉบับ ประกอบด้วย

1)ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเต ต้องมีความพร้อมในการเข้าร่วมทันที จำนวน 66 ฉบับ 2)ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเต จะต้องเข้าร่วมภายใน 2 ปี หลังเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน 48 ฉบับ 3)ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเต จะต้องเข้าร่วมภายใน 5 ปี หลังเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน 106 ฉบับ

ทั้งนี้ ร่างเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ไม่ใช่สนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม มาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น การให้ความเห็นชอบเอกสารทั้งสองฉบับ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้