X

ยอดจดทะเบียนใหม่รถยนต์ไฟฟ้า 100% 4 เดือนแรก โตเพิ่มขึ้น 534.41%

Last updated: 18 ส.ค. 2566  |  652 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยอดจดทะเบียนใหม่รถยนต์ไฟฟ้า 100% 4 เดือนแรก โตเพิ่มขึ้น 534.41%

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมแถลงข่าวเปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนเมษายน 2566 ว่าจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเมษายน 2566 มีทั้งสิ้น 117,636 คัน ลดลงร้อยละ 0.13 ขาย 59,530 คัน ลดลงร้อยละ 6.14 ส่งออก 79,940 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.53

พร้อมกันนั้นยังได้กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองว่าทางสอท.หวังว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วเพื่อความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ

 การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเมษายน 2566 มีทั้งสิ้น 117,636 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 0.13 จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ลดลงร้อยละ 11.31 แต่ผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.04 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 34.59 เพราะวันทำงานน้อยกว่า

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – เมษายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 625,423 คัน และเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 4.61

รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ 40,366 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 10.54

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 มีจำนวน 219,870 คัน เท่ากับร้อยละ 35.16 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 27.11

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ 14 คันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 100 รวมเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตได้ 46 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 100

รถยนต์บรรทุก เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 77,256 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 4.94และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 405,507 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 4.56

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 75,148 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 4.38 และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 395,382 คัน เท่ากับร้อยละ 63.22 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 4.07 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 71,523 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 08
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 263,229 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 61
  • รถกระบะ PPV 60,630 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 35

รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ 2,108 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 21.28 รวมเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตได้ 10,125 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 20.32

ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ 67,907 คัน เท่ากับร้อยละ 57.73 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 10.04 ส่วนเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 356,037 คัน เท่ากับร้อยละ 56.93 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.40

รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2566 ผลิตเพื่อการส่งออก 19,796 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 21.06 และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 98,410 คัน เท่ากับร้อยละ 44.76 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 32.29

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 48,111 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 6.06 และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 257,627 คัน เท่ากับร้อยละ 65.16 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 5.06 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 27,714 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 69
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 198,792 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 93
  • รถกระบะ PPV 31,121 คัน  เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 12

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนเมษายน 2566 ผลิตได้ 49,729 คัน เท่ากับร้อยละ 42.27 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 11.31 และเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ผลิตได้ 269,386 คัน เท่ากับ ร้อยละ 43.07 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 3.19

รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2566 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,570 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 2.01 และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2565 ผลิตได้ 121,460 คัน เท่ากับร้อยละ 55.24 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – เมษายน 2565 แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.20

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2566 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 27,037 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 18.64 และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 137,755 คัน เท่ากับร้อยละ 34.84 ของยอดการผลิตรถกระบะ แต่ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 17.49 ซึ่งแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 43,809 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 18
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 64,437 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 73
  • รถกระบะ PPV 29,509 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ร้อยละ 66

รถจักรยานยนต์

เดือนเมษายน 2566 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 169,293 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 2.80 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 140,444 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 7.42 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 28,849 คัน แต่ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 33.57

ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 855,380 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 4.39 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 721,122 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 16.31 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 134,258 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 32.67

ยอดขาย

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 59,530 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 25.53 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 6.14 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเพิ่มขึ้นอีก

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 123,959 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2565 ร้อยละ 32.80 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 1.73

ตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 รถยนต์มียอดขาย 276,603 คัน ลดลงจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 6.11 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 630,525 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 10.62

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนเมษายน 2566 ส่งออกได้ 79,940 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว ร้อยละ 18.74 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 43.53 เพราะผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.06 และ 6.06 ตามลำดับจากฐานต่ำของปีที่แล้วเนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน เดือนเมษายนจึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกออกกลาง แอฟริกา และยุโรปมูลค่าการส่งออก 50,164.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 49.83

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,938.07 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 05
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆมีมูลค่าการส่งออก 11,747.16 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 28
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,633.23 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 49

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนเมษายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 65,482.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 17.40

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 353,632 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 18.38 มีมูลค่าการส่งออก 218,286.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 22.88 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 10,882.23 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 97
  • ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 56,950.51 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 35
  • อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 7,431.13 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 18

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 293,549.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 7.38

รถจักรยานยนต์

เดือนเมษายน 2566 มีจำนวนส่งออก 63,375 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 16.66 และลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 9.82 โดยมีมูลค่า 5,379.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 10.38

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 66.77
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 33 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 23.57

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนเมษายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 5,701.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 10.84

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 304,574 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 9.45 แต่มีมูลค่า 24,875.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 6.46

  • ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,014.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 03
  • อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 42 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 16.15

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 26,570.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 7.14

เดือนเมษายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 71,183.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 16.85

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 320,120.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 7.36

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเมษายน 2566
เดือนเมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,181 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 320.88 โดยแบ่งเป็

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 3,820 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 54
    -รถยนต์นั่งจำนวน 3,820  คัน               
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 19 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 850
    -รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน    19    คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,238 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 98
    -รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,215  คัน
    -รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน     23   คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 93 คัน ซึ่งเดือนเมษายน 2565 ไม่มีการจดทะเบียน
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 9 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 125

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน      26,233 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 534.41 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 18,445 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 1,022.64
    -รถยนต์นั่งจำนวน 18,357 คัน               
    -รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน      84  คัน
    -รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน       2  คัน
    -รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน       2  คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 37 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 1,750
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 109 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 49
    -รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน    103  คัน
    -รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน       6  คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 6,886 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 61
    -รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน   6,862 คัน
    -รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน       24 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 703 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 3,600
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 53 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 1,225

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนเมษายน 2566

เดือนเมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,198 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 31.62 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,162 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 55
    -รถยนต์นั่งจำนวน           6,160 คัน
    -รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน       2 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 36 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 44
    -รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน     36 คัน

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  30,634 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 40.97 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 30,416 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 74
    -รถยนต์นั่งจำนวน 30,385 คัน
    -รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน      13  คัน
    -รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน        3  คัน
    -รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน       15 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 218 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ19
    -รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน     218 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนเมษายน 2566

เดือนเมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 784 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 6.33 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 784 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ33
    -รถยนต์นั่งจำนวน     784 คัน                 

เดือนมกราคม – เมษายน 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  4,172 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 9.62 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,172 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ร้อยละ 62
    -รถยนต์นั่งจำนวน 4,172 คัน       

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2566

ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 58,228 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 276.30 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 32,166 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 38
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 31,880 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 36
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 239 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 27
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 11 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 175
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 6 คัน ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 30 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 93 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 74
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 600 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 34
  • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 67 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 06
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 533 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 63
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 23,375 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 91
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 23,281 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 88
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 94 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 39
  • อื่นๆ

รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 1,915 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 98
รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 79 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,216.67

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2566

ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 290,035 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.99 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 280,924 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 17
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 280,274 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 29
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 480 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 89
  • รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 31 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 24
  • รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 96 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ73
  • รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 3 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 50
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 39 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ยังไม่มีการจดทะเบียน
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,109 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 59
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,1096 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 59
  • อื่นๆ

รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 100
 
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2566

ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 46,532 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 33.18 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 46,532 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 18
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 46,473 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 25
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 39 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 5
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 16 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 20
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 200
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 1 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ไม่มีการจดทะเบียน
สถิติยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง เดือนเมษายน 2566

ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คนในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 3,820 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 2565 ถึงร้อยละ 882 และมีสัดส่วนถึงร้อยละ 7.73 ของยอดจดทะเบียนทั้งหมด

รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊กมีจำนวน 782 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปี 2565 ร้อยละ 6.57 และมีสัดส่วนร้อยละ 1.58 ของยอดจดทะเบียนทั้งหมด

รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมมีจำนวน 6,160 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.57 จากเดือนเดียวกันของปี 2565 และมีสัดส่วนร้อยละ 12.47 ของยอดจดทะเบียนรวม ซึ่งเห็นได้ว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยมีสัดส่วนสูงเทียบเคียงกับประเทศอื่นๆ


ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)









เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้