แนวโน้มตลาด EV ปี 2024 ยังรุ่ง! Nasdaq ฟันธงยอดขายอีวียังโต แบตเตอรี่โซลิดสเตตของโตโยต้าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม

Nasdaq ฟันธงยอดขาย EV ยังเติบโตดี กว่า 20% ขณะที่ราคาลดลงจนเข้าถึงได้ง่าย ปลั๊กชาร์จของ Tesla จะกลายเป็นมาตรฐานสากล และแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตตของโตโยต้าที่วิ่งได้ไกล 932 ไมล์จะขจัดความวิตกกังวลเกี่ยวกับระยะทาง

แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับตลาด EV ในปี 2024 : จากมุมมองของ Nasdaq หนึ่งในตลาดหุ้นและตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ

ยอดขาย EV ยังคงเติบโตต่อไป

ไตรมาสที่สามมียอดขายรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่-ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2021 นอกจากนี้ ยอดขาย EV ยังทะลุ 1 ล้านเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ BloombergNEF ได้ปรับลดประมาณการยอดขาย EV ในปี 2567 จาก 17.5 ล้านคัน ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในเดือนมิถุนายนเป็น 16.7 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวก็ยังเพิ่มขึ้น 20% จากการคาดการณ์ในปีนี้

ราคาจะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้จับจองได้ง่ายขึ้น

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ส่งผลให้แบตเตอรี่ซึ่งเป็นหัวใจของรถ EV ได้พัฒนาจนสามารถจุไฟฟ้าให้รถยนต์วิ่งได้ 300 กว่ากิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตมีแนวโน้มลดลงมาเรื่อย ๆ เฉลี่ยปีละ 13% และมีการคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีจะลงมาที่ 300 ดอลลาร์ต่อหน่วยไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาปานกลางได้ จึงทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อ EV ได้มากขึ้น

ขณะที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV แบบโซลิดสเตตจะยังคงก้าวหน้าต่อไป โดยในปี 2024 โตโยต้าได้เปิดเผยว่าแบตเตอรี่ EV แบบโซลิดสเตตสามารถทำระยะทางการวิ่งได้ที่ 745 ไมล์ และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสามารถผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่สามารถทำระยะทางการวิ่งได้ที่ระยะทาง 932 ไมล์ เป็นผลให้เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มระยะและขจัดความวิตกกังวลเกี่ยวกับระยะทาง รวมถึงราคาอีกด้วย

ปลั๊กชาร์จของ Tesla จะกลายเป็นมาตรฐานสากล

มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางประการในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากหันมาใช้ปลั๊กชาร์จของ Tesla กับรถยนต์ของแบรนด์ตนมากขึ้น โดยล่าสุดเป็นยักษ์ใหญ่ Toyota ที่ร่วมเซ็นสัญญากับ Tesla เพื่อใช้หัวชาร์จ NACS ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

นั่นทำให้รถยนต์ไฟฟ้า Toyota และ Lexus สามารถใช้บริการสถานี Supercharger ที่มีอยู่กว่า 12,000 แห่งทั่วอเมริกาเหนือได้เลย รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้หัว CCS อยู่ในปัจจุบันก็สามารถรับหัวแปลงเป็นหัว NACS ได้ด้วย นอกจาก Toyota แล้ว ยังมีเพื่อนร่วมชาติอย่าง Nissan ที่ก็เซ็นสัญญาใช้ NACS ไปแล้วเช่นกัน ขณะที่ Ford และ GM ก็ได้ประกาศทำข้อตกลงร่วมกับเทสลาเหมือนกัน

เลือกหุ้น EV

เป็นเรื่องยากที่จะคว้าหุ้น EV ทุกตัว แต่การกระจายความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยพิจารณาเลือกจากผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เครือข่ายการชาร์จ EV และผู้พัฒนาเทคโนโลยี EV ในด้านต่าง ๆ ซึ่งหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรกที่คนนึกถึงคงหนีไม่พ้น Tesla ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดมวลชนและลงทุนอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ และการลงทุนระดับสูงนี้ก็เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของ Tesla

NIO หากเปรียบเทียบกันตัวเลขการส่งมอบรถยนต์ของ NIO นั้นต่ำกว่า Tesla อยู่พอสมควร แต่ก็มีการเติบโตที่ดี และสร้างรายได้อยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ทำให้มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งหลายราย

Volkswagen เป็นอีกหนึ่งหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ กับการตั้งเป้าที่จะทุ่มเงินกว่า 85 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อเทคโนโลยีใหม่ระหว่างปี 2021 ถึง 2025 ผู้ผลิตรถยนต์คาดว่า 50% ของยอดขายทั้งหมดจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 หลังจากนั้นภายในปี 2040 ก็จะนำส่งรถ EV เกือบ 100%

อย่างไรก็ตาม อนาคตของการขนส่งจำเป็นต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ

 

ที่มา : PTT NEWS