Last updated: 26 ก.ค. 2568 | 177 จำนวนผู้เข้าชม |
GWM หารือ เอกนัฏ ในโอกาสครบรอบ 35 ปี เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศจีน พร้อมยืนยันไทยเป็นยุทธศาสตร์หลักของบริษัท รวมถึงการพัฒนายานยนต์ในประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ยานยนต์ไร้คนขับ และเตรียมเปิดตัว BEV ติดเทคโนโลยีอัจฉริยะต้นปี 2569
คณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) นำโดยนางสาวอู๋ ฮุ่ยเชียว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี พร้อมด้วยนายเจมส์ หยาง รองประธานตลาดต่างประเทศ นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย และทีมผู้บริหารเข้าพบ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตฯ ในโอกาสครบรอบ 35 ปี ของการก่อตั้งบริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศจีน ยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของบริษัทฯ และจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต พร้อมหารือความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมยานยนต์อัจฉริยะ และการพัฒนาอุตสาหกรรม ยานยนต์ในประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ยานยนต์ไร้คนขับในอนาคต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
การหารือครั้งนี้ คณะผู้บริหาร GWM ได้แสดงความเชื่อมั่นในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ประเภท Pick-Up และ PPV สู่ตลาดโลก ภายใต้นโยบาย “70@30” โดยจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมรับประกันคุณภาพสูงถึง 1,000,000 กิโลเมตร รวมถึงการเตรียมเปิดตัวรถยนต์ BEV รุ่นใหม่ในประเทศไทยช่วงต้นปี 2569 ซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligent) เพื่อยกระดับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่และแนวโน้มของตลาดโลก
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า “วันนี้คือบทพิสูจน์ว่า ‘ประเทศไทย’ ไม่ใช่เพียงตลาดปลายทาง แต่คือศูนย์กลางการผลิตและนวัตกรรมของโลก GWM แสดงความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนว่าไทยคือพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการลงทุนในทุกมิติ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิทธิประโยชน์ และบุคลากร เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลาง EV และยานยนต์ไร้คนขับของภูมิภาคอาเซียน”
สำหรับความก้าวหน้าของนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ภายใต้เป้าหมาย “30@30” ที่ต้องการให้รถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยอย่างน้อย 30% เป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573 นั้น เป็นการดำเนินนโยบายใน 3 มิติ ได้แก่
1. การส่งเสริมด้านอุปทาน เช่น การผลิต BEV และชิ้นส่วนหลักอย่างแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมรวมแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท
2. ด้านอุปสงค์ เช่น มาตรการ EV3, EV3.5 การลดภาษีนิติบุคคล ฯลฯ
3. ด้านการสร้างระบบนิเวศ เช่น การขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ครบ 12,000 หัวจ่ายภายในปี 2573 การจัดตั้งศูนย์ทดสอบ ATTRIC การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้าน EV และการวางมาตรฐานโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้เตรียมออกแนวทางและกฎหมายเพื่อจัดการซากรถและแบตเตอรี่ใช้แล้วให้เกิดการรีไซเคิลอย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการผลิตรถยนต์ HEV และ MHEV ภายในประเทศ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษหากมีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และใช้ชิ้นส่วนในประเทศตามเงื่อนไข รวมถึงการสนับสนุนการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ (ADAS) ในรถยนต์รุ่นใหม่
"การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นแบตเตอรี่ แต่หมายถึงการยกระดับทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม รัฐบาลพร้อมเปิดกว้างต่อเทคโนโลยีทุกรูปแบบที่ช่วยลดมลพิษ เพิ่มความปลอดภัย และตอบโจทย์ตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV, MHEV หรือแม้แต่ยานยนต์ไร้คนขับ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังตั้งเป้าเป็นฐานการผลิต EV เพื่อการส่งออก โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน การทดสอบ การรับรองคุณภาพ และการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบ FTA กับทั้งประเทศคู่ค้าเดิม และการเจรจาใหม่ เช่น อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" นายเอกนัฏ กล่าวในที่สุด
ปัจจุบัน บริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นเขตประกอบการเสรี (Free Zone) โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 หลังเข้าซื้อกิจการจากบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย และได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากจีนรายแรกที่ส่งออกรถยนต์จากประเทศไทยไปยังต่างประเทศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI สำหรับการผลิตรถยนต์ HEV, PHEV และ BEV รวมกำลังการผลิตมากกว่า 30,000 คันต่อปี และยังได้เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้ EV ของรัฐ ทั้งในโครงการ EV3.0 และ EV3.5
ที่มา : เว็บรัฐบาลไทย
22 มิ.ย. 2568
22 พ.ค. 2568