BYD ทิ้งบอมบ์! กดราคา SEAL 5 DM-i เมด อิน ไทยแลนด์ ต่ำกว่า 7 แสน ขยี้ B-Segment

Last updated: 9 ส.ค. 2568 | 328 จำนวนผู้เข้าชม |

BYD SEAL 5 DM-i เวอร์ชั่นประกอบไทยกำลังจะสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในตลาดรถยนต์นั่ง ด้วยโหมด "ตัวถัง C-Segment แต่ราคา B-Segment" กระทบชิ่งไปยันตลาดรถยนต์ไฮบริดในเซกเมนท์เดียวกัน

เคาะราคารุ่น Premium 699,900 บาท จากราคาปกติ 769,900 บาท ลดไป 7 หมื่น!

นี่จะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” จริง หรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไป...

BYD SEAL 5 DM-i รุ่น Premium ราคา Early Bird 699,900 บาท* (จากราคาปกติ 769,900 บาท)

รับฟรี สิทธิประโยชน์จาก เรเว่ แคร์ (RÊVER Care)*
รับฟรี ฟิล์ม เซรามิก ยี่ห้อ เอ็กซ์ยูวี แม็กซ์ ทู ฟิล์ม (XUV MAX II FILM) พร้อมบริการติดตั้ง*
ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 68 – 30 ก.ย. 68*

ขนาดตัวถังของ BYD SEAL 5 DM-i ยาว : 4,780 มม. x กว้าง : 1,837 มม. x สูง : 1,495 มม. ระยะฐานล้อ : 2,718 มม. (สั้นกว่า BYD SEAL 06 DM-i ประมาณ 50 มม. และสั้นกว่า BYD SEAL 20 มม.) ไซส์เทียบเท่ารถกลุ่ม C-Segment อย่าง Toyota Corolla Altis หรือ Honda Civic ชัดเจน

ราคานี้! เท่ากับว่าเป็นการทิ้งบอมบ์ลงตรงกลางตลาดรถ B-Segment x Hybrid เต็มๆ ซึ่งวันนี้มีแค่ไม่กี่รายที่แข่งขันกันอยู่

เปรียบเทียบชัดๆ : SEAL 5 DM-i vs. B-Segment Hybrid

BYD SEAL 5 DM-I ขุมพลัง PHEV (วิ่ง EV ได้จริง) ใหญ่ คุ้ม ใช้ไฟฟ้าล้วนได้ ราคา 699,900 บาท

Toyota Yaris ATIV Hybrid ขุมพลังไฮบริด (HEV) ขับน้ำมันเป็นหลัก ประหยัดมาก แต่ EV ไม่ล้วน ราคาคาดการณ์ 700,000–800,000 บาท

Honda City e:HEV ระบบขับเคลื่อน Hybrid ระบบ i-MMD ขับสนุก แต่ไม่เสียบปลั๊ก ราคา 729,000–899,000 บาท

Neta V-II (EV) ขุมพลัง EV 100% ตัวเล็ก วิ่ง EV ได้ ราคาถูกสุด 549,000–649,000 บาท

จุดแข็งของ BYD SEAL 5 DM-i

ขนาดตัวถังใหญ่ นั่งสบาย เดินทางไกลไม่อึดอัด

วิ่ง EV Mode ได้จริง เหมือน EV แถมเติมน้ำมันได้
ราคาค่าตัว “ต่ำเกินคาด”
ใช้ Blade Battery ปลอดภัยสูง ทนทาน
ประกอบไทย = ภาษีน้อยลง + กดราคาลงได้ลึก

BYD Seal 05 DM-i เหมาะกับใคร?

เหมาะกับคนที่อยากเข้าสู่จักรวาล EV แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องสถานีชาร์จ คนที่เดินทางในเมืองเยอะ ขับไกลบ้างนิดหน่อย และคนที่มองหาซีดานสวย เทคโนโลยีล้ำ แต่ราคาไม่แรงเวอร์ และผู้ที่ต้องการรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีความประหยัดน้ำมันสูง เพราะ PHEV คันนี้มีอัตราการใช้พลังงานเพียง 2.95 ลิตร/100 กม.

ความท้าทาย

ต้องดูว่า BYD จะลดสเปคลงมามากน้อยแค่ไหนเพื่อให้ได้ราคาระดับ 700,000 สเป็คโอเค จะกลายเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่สั่นสะเทือนไปทั้งตลาด B-Segment Hybrid และกลุ่ม EV Entry-level ไปพร้อมกัน

ซื้อ B-Segment แต่ได้รถไซส์ C-Segment แถมขับไฟฟ้าได้แบบวันต่อวัน ใครจะไม่สนใจล่ะครับ?