X

EV แรงไม่หยุด! ส.อ.ท. โชว์สถิติยอดขาย BEV พุ่ง 35% เพราะราคาเข้าถึงง่าย

Last updated: 25 ส.ค. 2568  |  267 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ส.อ.ท. เผยยอดขาย BEV พุ่ง 35% เพราะราคาเข้าถึงง่าย

EV แรงไม่หยุด!

ส.อ.ท. โชว์สถิติยานยนต์ในไทยในรอบ 7 เดือนแรกของปี ระหว่าง ม.ค. - ก.ค. 2568 รถ BEV มียอดจดทะเบียนใหม่สะสม 81,179 คัน โดยยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) ก.ค. 2568 มี 9,250 คัน หรือ 18.84% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 35% ระบุชัด ยอดขายรถยนต์นั่ง BEV พุ่งเพราะราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2568

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.84 เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือนเพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน โดยเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 81,179 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.08 

การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 15.06 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.39 ผลิตลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงร้อยละ 31.80 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น รถกระบะยังคงผลิตลดลงทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลงร้อยละ 6.54 และ 8.61 ตามลำดับตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 835,331 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.73 

รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 38,400 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 16.61 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มี 21,996 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 31.80
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มี 3,610 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 553.99
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มี 420 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 12.90
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มี 12,374 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.86

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มี 303,068 คัน เท่ากับร้อยละ 36.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 7.96 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มี 140,726 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 32.85
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มี 27,408 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 397.87
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มี 10,357 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 190.85
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มี 124,577 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 12.69

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 71,471 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.18 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 527,149 คัน เท่ากับร้อยละ 63.11 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.20 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 84,931 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.84
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 338,098 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 6.39
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ BEV 134 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 100
  • รถกระบะ PPV 103,986 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 9.37

ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 74,100 คัน เท่ากับร้อยละ 66.99 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 15.35 ส่วนเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 549,113 คัน เท่ากับร้อยละ 65.74 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.05

รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 17,823 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 31.34 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 115,393 คัน เท่ากับร้อยละ 38.07 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 34.98

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 56,277 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.61 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 433,720 คัน เท่ากับร้อยละ 82.28 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.75
 

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 36,516 คัน เท่ากับร้อยละ 33.01 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.08 และเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 286,218 คัน เท่ากับร้อยละ 34.26 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.37

รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,577 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.43 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ผลิตได้ 187,675 คัน เท่ากับร้อยละ 61.93 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.63

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 15,194 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 6.54 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 93,429 คัน เท่ากับร้อยละ 17.72 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 21.04 ซึ่งแบ่งเป็น

ยอดขาย

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.84 เพิ่มขึ้นติดต่อกันสี่เดือนเพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน รถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องมากว่าสามสิบเดือนเหลือแค่ 11,022 คัน ลดลงร้อยละ 16.3 ( ปี 2562 ก่อนโควิด 19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70 % ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน)

สาเหตุเพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ร้อยละ 4.1 สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ร้อยละ 1.7 นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียงร้อยละ 2.1 คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มี 31,988 คัน เท่ากับร้อยละ 65.15 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 15.33

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,547 คัน เท่ากับร้อยละ 23.52 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 2.45
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 9,250 คัน เท่ากับร้อยละ 18.84 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 35.33
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 667 คัน เท่ากับร้อยละ 1.36 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 316.88
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 187 คัน เท่ากับร้อยละ 0.13 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,337 คัน เท่ากับร้อยละ 21.05 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 16.09

รถกระบะมีจำนวน 10,968 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.70 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 54 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 3,820 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 29.14 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,330 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 0.91 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 942 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 22.47
 

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 144,458 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 6.39 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.05
 

ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 รถยนต์มียอดขาย 351,796 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 0.74 แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 225,671 คันเท่ากับร้อยละ 64.16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.34

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 84,059 คัน เท่ากับร้อยละ 23.89 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.05
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 63,334 คัน เท่ากับร้อยละ 18 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 56.99
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 5,671 คัน เท่ากับร้อยละ 1.61 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 316.07
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 187 คัน เท่ากับร้อยละ 0.06 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 72,420 คัน เท่ากับร้อยละ 20.59 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.73

รถกระบะมี 84,594 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.67 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 423คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 24,534 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.47
 

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนกรกฎาคม 2568 ส่งออกได้ 72,439 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 17.76 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.27 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพราะจะเปลี่ยนรุ่นรถ รถยนต์นั่งและรถกระบะไฟฟ้ายังส่งออกอีกในเดือนนี้ 167 คัน ปีนี้จึงเป็นปีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าดังที่รัฐบาลและเอกชนร่วมมือกันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ใช้น้ำมันและยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่มีนโยบายและความพร้อมของโครงสร้างแตกต่างกัน
 

ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนกรกฎาคม 2568 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ 42,418 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 58.56 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.65
  • รถกระบะ BEV 47 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.06 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง ICE 16,145 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 22.29 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 38.58
  • รถยนต์นั่ง BEV 120 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.26 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV
  • รถยนต์นั่ง HEV 3,874 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.35 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.16
  • รถ PPV 9,836 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.58 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 21.18

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 531,796 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.74 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ 337,414 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 63.45 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.75
  • รถกระบะ BEV 118 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.02 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง ICE 86,775 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 16.32 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 40.75
  • รถยนต์นั่ง BEV 784 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.22 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง HEV 30,599 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.75 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 1.91
  • รถ PPV 76,106 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.31 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.41

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2568

เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 45.51 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,227 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 77.21 :

o รถยนต์นั่งจำนวน 9,925 คัน

o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 295 คัน

o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 7 คัน

  • รถกระบะ รถแวน มี 37 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 49.32
  • รถจักรยานยนต์ มี 1,712 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 29.05 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 3 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 66.67
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 56.25
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 138 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 176

เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 81,179 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.08 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 67,254 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 55.44 : รถยนต์นั่งจำนวน 65,756 คัน / รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 1,333 คัน / รถยนต์บริการธุรกิจ 13 คัน / รถยนต์บริการทัศนาจร 152 คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 337 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 30.62
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 14 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 83.91 : รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 7 คัน / รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 4 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 13,251 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 17.93 : รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 13,250 คัน / รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 70 คัน ลดลงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 68.75
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 253 คัน เพิ่มขึ้นเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 120.00 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกรกฎาคม 2568

เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,815 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.61 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 11,698 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ1.14 : รถยนต์นั่งจำนวน 11,663 คัน / รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 17 คัน / รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 15 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 117 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 112.73 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด 

เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 84,128 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.40 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 83,434 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 0.05 : รถยนต์นั่งจำนวน 83,170 คัน / รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 26  คัน / รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 136  คัน / รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 100 คัน และรถยนต์บริการให้เช่า 2 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 694 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 116.88 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด 

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกรกฎาคม 2568

เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,286 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.69 แบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 1,286 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.69 เป็นรถยนต์นั่งทั้งหมด

เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสม  12,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 120.76 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 12,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 120.76 แยกเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 12,604 คัน / รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 20 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 8 คัน
 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 307,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 60.61 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

 

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 226,242 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 70.45 แยกเป็น


-รถยนต์นั่งมี 221,078 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 69.49

-รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมี 3,853 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 111.59

-รถยนต์บริการธุรกิจมี 223 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 214.08

-รถยนต์บริการทัศนาจรมี 214 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 79.83

-รถยนต์บริการให้เช่ามี 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน

-รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มี 871 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 203.48

  • รถกระบะและรถแวนมี 1,208 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 124.95
  • รถยนต์ 3 ล้อมี 1,032 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 5.52

-รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมี 122 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 17.31

-รถยนต์รับจ้างสามล้อมี 910 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 4.12

  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 74,999 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 39.01 เป็น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 74,892 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 39.16 และรถจักรยานยนต์สาธารณะมี 107 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20.15

อื่นๆ

-รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,855 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 7.98

-รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1,092 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 92.59


ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 552,469 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 29.49 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

 

รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 542,606 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 30

   o รถยนต์นั่งมี 541,153 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 29.94

   o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มี 513 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 4.27

   o รถยนต์บริการธุรกิจ มี 210 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 200

   o รถยนต์บริการทัศนาจร มี 317 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 64.25

   o รถยนต์บริการให้เช่า มี 7 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 40

   o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มี 406 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 134.68

 

รถกระบะและรถแวนมี 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567

รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 9,860 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 6.59 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด


อื่นๆ

o รถโดยสารมี 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567


ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 75,693คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 27.03 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 75,693 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 27.03 แบ่งเป็น


o รถยนต์นั่งมี 75,605 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 27.03

o รถยนต์บริการธุรกิจมี 50 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 21.95

o รถยนต์บริการทัศนาจรมี 27 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 35

o รถยนต์บริการให้เช่ามี 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 66.67

o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มี 6 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20

 

อ่านข้อมูลฉบับเต็ม คลิก : https://www.fti.or.th/News/details?id=902


ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้