Last updated: 25 ก.ย. 2568 | 109 จำนวนผู้เข้าชม |
OMODA & JAECOO ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปี ด้วยยอดจอง JAECOO 5 EV กว่า 5,000 ในเดือนสิงหาคม 2568 พร้อมประกาศลงทุน 5,000 ล้าน ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ วางเป้าหมายให้เป็น Hub of NEV เริ่มจาก JAECOO 6 EV และวางแผนผลิต OMODA C5 EV และ JAECOO 5 EV ภายในปี 2568
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ฉลองครบรอบ 1 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมประกาศถึงผลตอบรับอันน่าประทับใจของ JAECOO 5 EV ที่สามารถทำยอดจองได้กว่า 5,000 คันในเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์
ภายในงาน ผู้บริหารได้ประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้น 3 พันธกิจหลักเพื่อตอบสนองตลาดไทย ได้แก่ การพัฒนาและผลิตยานยนต์คุณภาพสูงที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโรงงานผลิตภายในประเทศ และการเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มเชอรี่ในระดับโลก
คุณบิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ OMODA & JAECOO ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญของกลุ่มเชอรี่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบปีแรกนี้ยืนยันว่าเราเดินมาถูกทิศทาง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่น และประสิทธิภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างลงตัว”
ด้านการลงทุนในประเทศไทย บริษัทฯ ได้จัดตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค พร้อมวางแผนขยายกำลังการผลิตในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โรงงานแห่งนี้จะเป็น Hub of NEV (New Energy Vehicle) เริ่มจาก JAECOO 6 EV และ เพื่อการตอบสนองความต้องการของตลาดได้มีการวางแผนผลิต OMODA C5 EV และ JAECOO 5 EV ภายในปี 2568 นอกจากนั้นยังวางแผนในการตั้ง Training Center + R&D ภายในปี 2570
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รายงานความคืบหน้าในการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 60 แห่ง และตั้งเป้า 90 แห่งภายในปี 2568 ควบคู่กับแผนการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการขาย การรับประกันคุณภาพ ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ
คุณบิล กล่าวทิ้งท้ายว่า “หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรา เรามีแผนการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรของเรา เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และทีมงานของเรา จะสามารถส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างแท้จริง”
เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า OMODA & JAECOO ได้ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ “OJ O-Jai” (โอเจ โอใจ) ครอบคลุมทุกความต้องการ เริ่มจากศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านช่องทางโทรศัพท์หมายเลข 02 020 8888 พร้อมบริการรถสำรอง (Courtesy Car)
สำหรับกรณีที่รถมีปัญหาที่เกิดจากระบบ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ฟรีในระยะทาง 200 กิโลเมตร (ขยายระยะจากเดิม 100 กิโลเมตร) ด้วยมาตรฐานการเข้าถึงภายใน 30 นาทีในเขตกรุงเทพฯ และ 45 นาทีในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีบริการ Mobile Service ที่พร้อมให้บริการถึงที่สำหรับงานซ่อมบำรุงเบื้องต้น และภายในปีหน้าจะเพิ่มบริการรับ-ส่งรถ (Pick-Up & Delivery) สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทาง โดยทั้งสองบริการนี้จำกัดการใช้งาน 2 ครั้งต่อปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ OMODA & JAECOO ได้ที่เว็บไซต์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของแบรนด์