X

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนไทยต้องรับมือมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ

Last updated: 30 ต.ค. 2568  |  146 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนไทยต้องรับมือมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนไทยต้องรับมือมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ การแข่งขันจากค่ายรถจีน มาตรการสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด และกระแสรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัว แนะปรับกลยุทธ์ตอบสนองทิศทางสัดส่วนรถ ICE ที่ลดลง

 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องรับมือกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การแข่งขันจาก ค่ายรถจีนที่รุกขยายตลาด และการยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของคู่ค้า ซึ่งท้าทายการปรับตัว และความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว


ดร. รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยว่า แม้ไทยมีสัดส่วนส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ น้อย แต่มาตรการภาษีนำเข้า Section 232 มีแนวโน้มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อส่งออกรถยนต์ไทยไปตลาดโลก เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจกระจายส่งออกไปตลาดอื่นมากขึ้น เพื่อลด การพึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดโลก ขณะเดียวกัน มาตรการนี้กระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนไทยไปสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนราว 26% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนไทย



อย่างไรก็ดี ยางล้อขนาดเล็กของไทย ยังได้เปรียบในด้านต้นทุนและคุณภาพ นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการยกเว้นภาษี Section 232 ตามมาตรการ Import Adjustment Offset ราว 12% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วน (ไม่รวมยางล้อ) ไปสหรัฐฯ มากกว่าญี่ปุ่นที่อยู่เพียง 3%



นางหทัยวัลคุ์ ตุงคะธีรกุล เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดของค่ายรถจีนผ่านสงครามราคา ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งภาคการผลิตและบริการ หลังจาก ค่ายรถหลักเดิมสูญเสียส่วนแบ่งในไทยและตลาดโลก เนื่องจากผู้บริโภคหันมานิยมรถไฟฟ้าจีนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดส่งออกรถสำคัญของไทย ได้ปรับมาตรฐานการปล่อย CO2 และระบบเบรกให้เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งจะหนุนความต้องการรถยนต์ไฮบริดทั้ง HEV และ PHEV แต่ก็จะเป็นแรงกดดันความต้องการรถยนต์แบบ สันดาปภายใน หรือ ICE ที่ไทยส่งออกเป็นหลักให้มีแนวโน้มลดลง


ดร. กฤตย์ สีตะธนี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวตอนท้ายว่า การที่ไทยเลื่อนเป้า Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ส่งผลให้ภาคขนส่งต้องเร่งปรับตัวเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถ BEV ใหม่ โดยในปัจจุบัน รถ BEV มีเพียง 1.2% ของรถยนต์สะสมทั้งหมด จึงยังมีช่องว่างอีกมากในการผลิตเพื่อทดแทนรถ ICE ทั้งหมดภายในปี 2593 ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราว 65% ยังไม่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่บริษัท ขนาดใหญ่เริ่มปรับตัวแล้ว


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะนำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยที่เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้า ของสหรัฐฯ การแข่งขันรุนแรงจากค่ายรถจีน และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด รวมทั้งการเร่งเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ และกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อสามารถ ตอบสนองกับทิศทางของตลาดที่มีแนวโน้มสัดส่วน รถ ICE ที่ลดลง และมีสัดส่วนรถ HEV และ PHEV ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจับตาโอกาสในการขยายตลาดของรถ BEV

 

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้