จับตาตลาด TAXI EV...ในวันที่ Robotaxi กำลังเขย่าโลก

Tesla Robotaxi เปิดให้โหลดแอปในไทยได้แล้ว… แต่รถยังไม่มา

แล้วสถานการณ์จริงตอนนี้คืออะไร?

ไทยพร้อมไหม? และโลกไปถึงไหนแล้ว?

วันนี้แอป Tesla Robotaxi โผล่ใน App Store ไทยเรียบร้อยโรงเรียนอีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งสาย EV และสายแท็กซี่ไฟฟ้าในไทยฮือฮากันทั้งเมือง แต่ความจริงคือ…บ้านเรายังไม่มี Robotaxi ให้บริการ
สิ่งที่เปิดให้โหลดคือ “แอป” เฉย ๆ ส่วนบริการจริง ยังอยู่ไกลพอสมควร เพราะตอนนี้ Tesla เพิ่งเริ่มให้บริการแบบทดลองใน ออสติน (Texas) และบางพื้นที่ของ Bay Area เท่านั้น แถมยังต้องมีพนักงาน Safety Monitor นั่งอยู่ในรถช่วงแรกด้วย

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่แค่ “มาแล้วหรือยัง”
ประเด็นใหญ่คือ… โลกกำลังวิ่งไปข้างหน้าแบบไม่รอใคร
และเราจะตกขบวนหรือไม่ นี่แหละคำถามสำคัญ

Tesla Robotaxi ตอนนี้ทำอะไรได้แล้ว?

1) ให้บริการจริงเฉพาะบางเมืองในสหรัฐฯ เริ่มเดือนมิถุนายน 2025 – ออสติน คือเมืองแรก เปิดให้เฉพาะกลุ่ม Early Access ใช้งาน และยังมีคนคุมระบบนั่งไปด้วย

2) รถที่ใช้คือ Model Y ดัดแปลง : Cybercab รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อทำ Robotaxi โดยเฉพาะ คาดว่าจะเริ่มผลิตปี 2026 (และมีทั้งรุ่นมีพวงมาลัย/ไม่มีพวงมาลัย)

3) แอปใช้งานได้ แต่เฉพาะในพื้นที่ที่เปิดเท่านั้น คนไทยโหลดได้ แต่เรียกรถไม่ได้นะครับ

4) FSD ในไทย “เปิดขาย แต่ยังไม่อนุญาตใช้งานแบบไร้คนขับ” Elon เคยบอกว่า “ไทยพร้อมด้านเทคนิค” แต่สุดท้ายก็ต้อง “รอหน่วยงานกำกับดูแลไทยไฟเขียว” ก่อน

มุมมอง Smart Taxi: ไม่กลัว Robotaxi แต่กลัว “ไม่ยอมเปลี่ยน”

โพสต์ของ Smart Taxi สะท้อนภาพจริงแบบเจ็บ ๆ ว่า ไทยยังถกเถียงเรื่องป้ายดำ/มิเตอร์ ในขณะที่โลกรอไม่ไหวแล้ว

ข้อความที่แทงใจที่สุดคือ…
“แท็กซี่ไทยจะไม่ถูก Robotaxi แย่งงาน แต่จะหายไปเพราะ ‘ไม่ยอมเปลี่ยน’ ต่างหาก”

และที่น่าสนใจยิ่งกว่า:
ตอนนี้แท็กซี่ไทยหลายเจ้ากำลังเร่งออก EV ใหม่ เพราะ สิทธิ์อุดหนุนภาครัฐกำลังจะหมดในสิ้นปีนี้ ใครทัน…ได้ราคาเดิม ใครไม่ทัน…ต้นทุนอาจพุ่ง

Smart Taxi เลยประกาศชัดว่า “เราจะสร้างแพลตฟอร์มแท็กซี่ของไทยเอง ไม่ให้ค่าคอมฯไหลออกนอกประเทศ”

ประโยคนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่พัฒนาแพลตฟอร์มเอง ในอนาคตค่าโดยสารและข้อมูลคนไทย…จะถูกต่างชาติถือครองทั้งหมด

ศึกโลก Robotaxi เดือดกว่าที่คิด: Zoox (Amazon) และ Waymo ประกบ Tesla เต็มๆ

โลกวันนี้ไม่ได้มี Tesla คนเดียวอีกต่อไป ตอนนี้สนาม Robotaxi กลายเป็น “สามก๊ก” ชัดเจน

1) Waymo (Alphabet / Google)

ผู้นำรายแรกที่วิ่ง Robotaxi แบบไร้คนขับจริงในหลายเมือง เซ็นเซอร์แน่นมาก: ไลดาร์ + เรดาร์ + กล้อง + เซ็นเซอร์รอบคัน

2) Zoox (Amazon)

คู่แข่งที่มาแรงที่สุดตอนนี้ จุดเด่นคือ “รถออกแบบใหม่ทั้งคัน ไม่ใช่เอารถเดิมมาดัดแปลง”
– ไม่มีพวงมาลัย
– ไม่มีด้านหน้า–หลัง
– ขับได้สองทิศทาง
– กล้อง 18 ตัว / ไลดาร์ 8 ตัว / เรดาร์ 10 ตัว / เทอร์มอลแคม 4 ตัว
– วิ่งได้ 16 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
– ถูกออกแบบให้ใช้งานแบบ Robotaxi เท่านั้น

Amazon ทุ่มเงินโดยไม่เปิดเผยตัวเลข แต่คาดว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตั้งโรงงานขนาด 220,000 ตารางฟุต ผลิตวันละ 1 คัน และตั้งเป้าเป็น 10,000 คัน/ปี

Zoox คือคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะทำเหมือน “สร้าง iPhone ของวงการแท็กซี่” ไม่ใช่รถธรรมดาที่เอามาใส่ AI

3) Tesla เชื่อมั่นว่าระบบกล้องล้วน (Vision Only) ก็เพียงพอ ใช้ต้นทุนต่ำกว่า Waymo/Zoox มาก แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัยหลายครั้งจากอุบัติเหตุในอดีต

Tesla ต้องพิสูจน์ว่า “ถูกกว่า แต่ปลอดภัยพอไหม?”

แล้วประเทศไทยล่ะ? พร้อมไหมสำหรับ Robotaxi?

สถานะไทยตอนนี้

– มี FSD ขาย แต่รัฐยังไม่อนุมัติให้ใช้งานแบบไร้คนขับ
– โครงสร้างพื้นฐาน EV กำลังโต แต่ระบบกฎหมายยังไม่รองรับ
– อุตสาหกรรมแท็กซี่ไทยกำลังเปลี่ยนเป็น EV อย่างรวดเร็ว เพราะนโยบายอุดหนุน
– แพลตฟอร์มแท็กซี่ไทย (แบบ Smart Taxi) กำลังเกิดขึ้นและต้องแข่งขันกับ Big Tech

โจทย์ใหญ่ของไทยคือ

• เราจะออกกฎหมายรองรับ robotaxi อย่างไร?
• ใครจะเป็นผู้ให้บริการแท็กซี่อัตโนมัติรายแรกในไทย?
• รัฐพร้อมหรือไม่ ถ้าแพลตฟอร์มต่างชาติเปิดบริการก่อน?
• รายได้คนไทยจะไหลออกนอกประเทศหรือไม่?
• ไทยอยากเป็น “ผู้ใช้ตามหลัง” หรือ “ผู้พัฒนาแบบทันโลก”?
• วันนี้ Tesla Robotaxi ยังไม่มาไทย แต่สิ่งที่มาแล้วคือ “สัญญาณว่าโลกจะไม่รอเราอีกต่อไป”

ประเทศที่พร้อม จะเปิดบริการได้เร็ว
ธุรกิจที่พร้อม จะอยู่รอด
คนที่ปรับตัวทัน จะได้โอกาสใหม่
ส่วนใครที่ยังติดอยู่กับคำว่า “ยังอีกนาน” อาจจะโดนคลื่นลูกใหญ่ซัดแบบไม่รู้ตัว

ไม่ต้องกลัว Robotaxi แต่ควรกลัวว่า…เมื่อโลกวิ่ง เราจะยังยืนอยู่ที่เดิม...หรือไม่!

 

หมายเหตุ : ใช้ ChatGPT ในการวิเคราะห์ข้อมูล / ทำภาพประกอบ