X

นิวไฮท์! ยอดขายเก๋ง BEV 11 เดือนแรกทำสถิติสูงสุดใหม่ 100,553 คัน

Last updated: 23 ธ.ค. 2568  |  176 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นิวไฮท์! ยอดขายเก๋ง BEV 11 เดือนแรกทำสถิติสูงสุดใหม่ 100,553 คัน

ส.อ.ท. เผยอุตฯยานยนต์ไทยในเดือนพฤศจิกายน 2568 ฟื้นตัวแรง จากยอดผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 57.49% เพราะต้องผลิต EV ชดเชยในอัตรา 1.5 เท่าของยอดรถไฟฟ้านำเข้ามาจำหน่ายในปี 2565 – 2566 ที่ยังผลิตไม่ครบ ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพุ่ง 9,624 คัน เพิ่มขึ้น 1,974% ยอดขายเก๋ง BEV 11 เดือนแรกทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 100,553 คัน เท่ากับ 18.41% ของยอดขายทั้งหมด

ไฮไลต์ :

  • ยอดขายรถยนต์ 11 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ย. 2568) มี 546,045 คัน เป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ 352,689 คัน โดยแยกออกเป็น ICE 117,043 คัน BEV 100,553 คัน PHEV 8,020 คัน REEV 721 คัน และ HEV 126,352 คัน


เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ดังต่อไปนี้

การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีทั้งสิ้น 130,222 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2568 ร้อยละ 4.03 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 11.06 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57.49 เพราะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยในอัตรา 1.5 เท่าของยอดรถไฟฟ้านำเข้ามาจำหน่ายในปี 2565 – 2566 ที่ยังผลิตไม่ครบในปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,974.14 และผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.34 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.31

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,341,714 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 1.64


รถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2568 ผลิตได้ 52,887คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 16.26 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine (ICE) มีจำนวน 20,892 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 27.65
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle (BEV) มีจำนวน 9,624 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 1,974.14
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มีจำนวน 437 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 13.21
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle (HEV) มีจำนวน 21,934 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 39.13

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 มีจำนวน 504,597 คัน เท่ากับร้อยละ 37.82 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 2.90 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine (ICE) มีจำนวน 229,719 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 30.56
  • รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle (BEV) มีจำนวน 60,200 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 609.07
  • รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มีจำนวน 16,921 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 210.31
  • รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle (HEV) มีจำนวน 197,757 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 13.04

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 76,022 คัน เพิ่มขึ้นจจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 7.34 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 827,446 คัน เท่ากับร้อยละ 62.39 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 0.13 โดยแบ่งเป็น

  • รถกระบะบรรทุก 129,036 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 1.52
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ 527,950 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 3.33
  • รถกระบะดับเบิลแค็บ BEV 321 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 100 
  • รถกระบะ PPV 170,139 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 12.40


ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 51,044 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2568 ร้อยละ 8.53 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 20.65 จากรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นเพราะราคาจับต้องได้มากขึ้นและจากรถกระบะดัดแปลง PPV ที่บางบริษัทเพิ่งขายในปีนี้ รถกระบะไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าเพิ่มระยะทางที่เริ่มขายในปีนี้รวมทั้งหลักฐานการเงินของผู้ซื้อรถกระบะแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ยอดขายรถกระบะไม่ลดลงเป็นเดือนแรก

ขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงซึ่งจะส่งผลลดภาระให้ผู้เช่าซื้อและผู้มีหนี้ลง ชำระคืนเงินต้นได้มากขึ้น มีเงินเหลือไปจับจ่ายซื้อสินค้าจำเป็นอื่น ๆ ได้มาตรฐาน โรงงานผลิตมากขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น เป็นการเริ่มต้นสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 33,300 คัน เท่ากับร้อยละ 65.24 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 31.02


  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 10,446 คัน เท่ากับร้อยละ 20.46 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 12.99
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 10,569 คัน เท่ากับร้อยละ 20.71 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 91.50
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 584 คัน เท่ากับร้อยละ 1.14 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 161.88
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 73 คัน เท่ากับร้อยละ 0.14 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 11,628 คัน เท่ากับร้อยละ 22.78 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 53.02

รถกระบะมีจำนวน 11,502 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 0.18 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 74 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 4 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 3,646 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 23.43 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,419 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 20.15

ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 รถยนต์มียอดขาย 546,045 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.28 แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 352,689 คัน เท่ากับร้อยละ 64.59 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 13.90
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 117,043 คัน เท่ากับร้อยละ 21.43 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 9.58
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 100,553 คัน เท่ากับร้อยละ 18.41 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 63.65
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 8,020 คัน เท่ากับร้อยละ 1.47 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 281.18
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 721 คัน เท่ากับร้อยละ 0.13 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 126,352 คัน เท่ากับร้อยละ 23.14 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 19.84


รถกระบะมีจำนวน 128,189 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 13.93 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 646 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 17 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 38,456 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 18.88

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป 


เดือนพฤศจิกายน 2568 ส่งออกได้ 78,692 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 5.26 และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 12.22 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในบางรุ่นเพื่อส่งออก ส่งผลให้ส่งออกรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภานในลดลงถึงร้อยละ 43.53 และส่งออกรถกระบะลดลงร้อยละ 6.39 แต่ยังคงส่งออกรถกระบะไฟฟ้าและรถยนต์นั่งไฟฟ้าต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี ตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นมีแค่เอเชีย ออสเตรเลีย แลโอเชียเนีย เท่านั้น

ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2568 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ 44,235 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 56.21 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.39
  • รถกระบะ BEV 45 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.06 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง ICE 15,064 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 19.14 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 43.53
  • รถยนต์นั่ง BEV 2,830 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 3.60 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV
  • รถยนต์นั่ง PHEV 89 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.11 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง PHEV
  • รถยนต์นั่ง HEV 4,780 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 6.07 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 33.26
  • รถ PPV 11,649 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.80 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 3.94

รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 850,787 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.77 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ 519,254 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 61.03 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.73
  • รถกระบะ BEV 287 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.03 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง ICE 149,178 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 17.53 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 37.22
  • รถยนต์นั่ง BEV 6,335 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.74 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง PHEV 1,407 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.17 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
  • รถยนต์นั่ง HEV 48,433 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.69 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 7.79
  • รถ PPV 125,904 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.80 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 0.46

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนพฤศจิกายน 2568 
เดือนพฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,436 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 69.11 โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,621 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 95.63 ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 10,351 คัน
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 75 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 275
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,664 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 2.97 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด

เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 129,044 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 44.28 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 107,612 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 66.70 ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 104,531 คัน         
  • รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 556 คัน
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 22 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 20,350 คัน
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 129 คัน รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 375 คัน


ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนพฤศจิกายน 2568 
เดือนพฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 10,912 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 29.77 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,846 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 29.80 เป็นรถยนต์นั่งจำนวน 10,837 คัน


เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 129,324 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 6.68 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 128,442

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนพฤศจิกายน 2568

 
เดือนพฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,072 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 39.40 โดยเป็นรถยนต์นั่งทั้ง 1,072 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 39.40

เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  17,547 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 98.23 โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 17,547 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 98.23 เป็นรถยนต์นั่งจำนวน 17,519 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 354,480 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 60.81 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้


รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 266,408 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 73.05 ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง มีจำนวน 258,951 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 71.39 รถกระบะและรถแวน 1,431 คัน รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,040 คันรถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 81,529 คัน 

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 596,945 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 28.75 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้


รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 586,936 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 29.19 โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่งมีจำนวน 585,233 คัน


ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 80,528 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 28.50
 
อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ https://www.fti.or.th/News/details?id=1115


ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้