Last updated: 16 มิ.ย. 2567 | 647 จำนวนผู้เข้าชม |
ttb analytics คาดยอดขายรถ EV ปีนี้สูงเกือบ 6 หมื่นคัน เติบโต 500% ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนรุ่นรถอีวีที่มีให้เลือกมากกว่า 50 รุ่นย่อย และสงครามราคากระตุ้นให้รถ EV มีความน่าสนใจในสายตาผู้บริโภค
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics วิเคราะห์ว่า ตลาดรถ EV ในปี 2566-2567 จะยังเป็นอีกปีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์นั่ง EV ปีนี้อาจสูงถึงเกือบ 6 หมื่นคัน หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 5 เท่า ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนรุ่นรถ EV ที่จำหน่ายในประเทศมีให้เลือกมากกว่า 50 รุ่นย่อยในปัจจุบัน
โดยเฉพาะภายหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ หรือ มาตรการอีวี 3.0 (และล่าสุดได้ออกมาตรการอีวี 3.5 ต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่จะหมดอายุสิ้นปี 2566) ส่งผลให้แบรนด์ผู้ผลิตรถ EV จีนรายใหญ่เร่งนำเข้ารถสำเร็จรูปจากจีนเข้ารับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศกันอย่างคึกคัก กดดันให้ราคารถใหม่ในตลาดปรับตัวลงไม่น้อยกว่า 10-20% จนเรียกได้ว่าเป็นสงครามราคา (Price War) ที่กระตุ้นให้รถ EV มีความน่าสนใจในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น
กระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนด้านราคาของภาครัฐ ส่งผลให้ยอดขายรถ EV สะสมตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 59,025 คัน หรือขยายตัวถึง 433.1% YoY ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2565 เป็น 15-20% ในปัจจุบัน
ด้านตลาดรถรวม ttb analytics ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 อยู่ที่ 8.35 แสนคัน หรือ หดตัว 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่าจะได้อานิสงส์ตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบแตะ 6 หมื่นคัน แต่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แผ่วลงค่อนข้างเร็ว กำลังซื้อชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนสูง รายได้เกษตรกรเปราะบาง ตลอดจนการชะลอซื้อรถยนต์ของภาคธุรกิจเพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการรัฐ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ จากคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อที่มีแนวโน้มด้อยลง และต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นตามวัฎจักรดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงยาวนานเช่นนี้
ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศมีทิศทางซบเซาต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขยอดขายรถยนต์ในประเทศ 8 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 524,784 คัน หรือ หดตัว 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10
ทั้งนี้ การชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศมาจากรถยนต์เชิงพาณิชย์เป็นหลัก โดยหดตัวสูงถึง 13% YoY จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แผ่วกว่าที่คาด แต่ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในกลุ่มรถกระบะและรถยนต์เอนกประสงค์ (PPV) ระดับพรีเมียมยังขยายตัวได้ดีในเกือบทุกภูมิภาค
ส่วนยอดขายประเภทรถยนต์นั่งยังขยายตัวได้ 3.4%YoY เนื่องจากยอดขายกลุ่มนี้จะอ่อนไหวต่อภาพของเศรษฐกิจน้อยกว่ารถยนต์เชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังได้กระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนด้านราคาของภาครัฐ
แม้ยอดขายในประเทศโดยรวมหดตัว แต่ตัวเลขส่งออกกลับขยายตัวได้ดี ดันยอดผลิตรถยนต์ 8 เดือนแรกของปี 2566 ให้ขยายตัวได้ 3.1% YoY จากสัดส่วนการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2559 ที่ระดับ 59.2% สวนทางกับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่เหลือเพียง 40.8% ซึ่งสอดคล้องกับการชะลอตัวของตลาดในประเทศ
ttb analytics ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 จะอยู่ที่ 8.35 แสนคัน หรือหดตัว 1.6% YoY แบ่งเป็นรถยนต์เชิงพาณิชย์ 4.47 แสนคัน หรือหดตัว 10.8% YoY และรถยนต์นั่ง 3.88 แสนคัน ขยายตัว 11.5% YoY
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ส่งสัญญาณแผ่วลง กำลังซื้อในภาพรวมยังชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ผลพวงจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อผลผลิตและรายได้เกษตรกร ตลอดจนการชะลอซื้อรถเพื่อการพาณิชย์ของภาคธุรกิจที่รอความชัดเจนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
7 ต.ค. 2567