Last updated: 22 ก.พ. 2567 | 1317 จำนวนผู้เข้าชม |
การซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 31 ธ.ค. 2566 มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสะสมแล้วราว 3.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นมูลค่าราว 283.54 ล้านบาท...และนับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้น
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) เป็นตัวกลางที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม โดยการนำสิ่งที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” มาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาดคาร์บอน (Carbon Market) ซึ่งทำหน้าที่เป็นตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Market) คือ ตลาดคาร์บอนที่จัดตั้งขึ้นสืบเนื่องจากผลบังคับในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะผู้ออกกฎหมายและเป็นผู้กำกับดูแลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะมีผลผูกพันทางกฎหมาย หากไม่สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะถูกลงโทษ หรือหากปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ก็จะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับกฎหมายกำหนด ตลาดคาร์บอนภาคบังคับจึงมีความเข้มงวดในเรื่องการบังคับใช้อย่างมาก
ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Market) คือ ตลาดคาร์บอนที่ไม่ได้มีกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมก๊าซเรือนกระจกมาบังคับ แต่ตลาดนี้เกิดจากความร่วมมือกันของผู้ประกอบการหรือองค์กรเพื่อเข้าร่วมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วยความสมัครใจ โดยองค์กรหรือหน่วยงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมเกินกว่าปริมาณที่กฎหมายกำหนด แล้วไม่สามารถลดการปล่อยได้ด้วยตนเอง ก็จะเข้าไปซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคาร์บอนเครดิตจำหน่ายได้ เพื่อทำให้ตนเองยังได้รับสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมในปริมาณที่ไม่เกินกว่าปริมาณที่กำหนด
สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตประเทศไทยแล้ว นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ข้อมูลจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เปิดเผยว่ามีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสะสมแล้วราว 3.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นเงินมูลค่าราว 283.54 ล้านบาท
โดยราคาเฉลี่ยซื้อขายคาร์บอนเครดิตในช่วงไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2567 ได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 193.12 บาทต่อตัน ส่วนใหญ่ซื้อขายอยู่ในกลุ่มการพัฒนาพลังงานทดแทน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และป่าไม้ ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 จากที่เคยอยู่ที่ 79.71 บาทต่อตัน
ที่มา : เพจ PTT NEWS