X

MGC-ASIA โตรับเมกะเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม XPENG และ ZEEKR

Last updated: 14 พ.ค. 2568  |  157 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MGC-ASIA โตรับเมกะเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม XPENG และ ZEEKR

มิลเลนเนียม กรุ๊ป “MGC-ASIA” โชว์ฟอร์มไตรมาส 1/2568 กวาดกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท พุ่ง 678% EBITDA แตะ 432 ล้านบาท โต 19% รับเมกะเทรนด์ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-เทค  XPENG และ ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี่ 

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 678% (YoY) มีรายได้รวม 4,065 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน The 46th Bangkok International Motor Show และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมทุน นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย (Neo Mobility Asia) ที่ส่งมอบรถยนต์ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4/2567 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ที่รายได้เติบโตในหลายทีมประกันภัยที่มีลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายใหม่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกกลุ่มบริษัทจดทะเบียนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว เป็นผลจากแรงกดดันจากวิกฤตสงครามการค้า ทำให้สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความผันผวน และเริ่มเปราะบางมากขึ้น แต่ MGC-ASIA ยังคงเดินหน้าฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ โดยปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการดำเนินงานเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศธุรกิจ ด้วยการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสและเสริมพลังร่วมกันระหว่างธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่ทันสมัย มุ่งสู่การสร้าง New S-curve และกระจายรายได้ในอนาคต

กลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 ของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในส่วนของธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ มีรายได้อยู่ที่ 2,650.30 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน The 46th Bangkok International Motor Show ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. – 6 เม.ย. 2568 โดยเฉพาะ XPENG และ ZEEKR ที่มีกระแสตอบรับดีมาก ทำให้ยอดจองซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย XPENG มียอดจอง 1,399 คัน ทำให้เกิดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนจากบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่ให้บริการทั้งจัดจำหน่าย และธุรกิจเกี่ยวเนื่องในกลุ่มธุรกิจ EV ทั้งหมด

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2568 นั้น ดร.สัณหวุฒิ กล่าวว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์สู่การต่อยอดการเติบโตใน 4 ธุรกิจสู่การสร้าง New S-curve อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า XPENG ที่เตรียมทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/2568 อีกกว่า 1,500 คัน ขณะที่ ZEEKR ก็มีแนวโน้มส่งมอบรถอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์รถ EV ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ส่งผลให้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 บริษัทฯ มีรถรอส่งมอบ (Backlog) 2,159 คัน แบ่งเป็น XPENG จำนวน 1,265 คัน, ZEEKR จำนวน 248 คัน, Rolls-Royce จำนวน 8 คัน, BMW จำนวน 179 คัน, MINI จำนวน 62 คัน, HONDA จำนวน 228 คัน, Harley-Davidson จำนวน 67 คัน และ BMW Motorrad จำนวน 102 คัน

ขณะที่ธุรกิจบริการด้านการเงิน Alpha X จะมุ่งเน้นการเติบโตการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น คาดว่าแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2% เหลือ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อธุรกิจที่สามารถเปิดโอกาสให้การลงทุนและสินเชื่อเอกชนกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ Alpha X ได้รับปัจจัยบวกจากกรณีดังกล่าวที่จะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Ultra-high Net Worth ได้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ อิสระ มีรายได้อยู่ที่ 952.20 ล้านบาท จากการมียอดใช้บริการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) และการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมทุกมิติ ตามมาตรฐานสากล ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และพนักงานขับ มีรายได้อยู่ที่ 426.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.20% (YoY) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนรถยนต์ในฟลีต โดยบริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด (MCR) ขณะที่ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้น สำหรับบุคคลทั่วไป มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวโดยรวมจะชะลอตัว แต่ SIXT มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และมีฐานลูกค้าเป็นลูกค้ากลุ่มพรีเมียม-ลักชัวรี และกลุ่ม Self drive จึงไม่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเร่งเดินหน้าขยายสาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันขยายจำนวนรถเพิ่มขึ้นกว่า 20% และเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ที่ยังคงมีดีมานด์การใช้เพิ่มขึ้น

ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนธุรกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเติบโตด้วยธุรกิจ Wealth Lending ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Ultra-High Net Worth), 2. การควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ และ 3. การจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) สามารถทำรายได้แตะระดับ 86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท (YoY)

ในส่วนของ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ได้วางกลยุทธ์การเติบโตด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจบริการด้านประกันภัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากการให้บริการประกันภัยรถยนต์ที่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ยังได้มีการขยายการให้บริการครอบคลุมภาคพลังงานและพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) ที่สอดคล้องกับนโยบายลดมลพิษทางอากาศของประเทศ โดยในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นให้บริการด้านการประกันภัยที่ตอบโจทย์ต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) การให้คำปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยงสำหรับองค์กรที่กำลังดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน รวมทั้งยังได้ให้บริการด้านประกันคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Insurance) เพื่อสนับสนุนกลุ่มลูกค้าที่มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อต่อยอดธุรกิจให้อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance) นั้น สอดรับกับสถานการณ์ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ได้พัฒนาแผนความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว



ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้