X

Before & After พา EV คันเก่งลุยน้ำ

Last updated: 21 พ.ค. 2568  |  943 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Before & After พา EV คันเก่งลุยน้ำ

ก่อนเจอเหตุการณ์น้ำท่วมขังควรทำอย่างไร? ระหว่างขับรถ EV คันเก่งลุยน้ำควรทำอย่างไร? และ หลังจากขับรถลุยน้ำมาแล้วต้องทำอะไรบ้าง ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ 12 โวลท์ไหม? สตาร์ทรถได้ไหม? ทำไมต้องจอดห่างจากรถยนต์และสิ่งอื่นๆ อย่างน้อย 15 เมตร...บทความนี้มีคำตอบ

ผศ.ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ กรรมการ ประธาน WG2 คณะทำงานด้านการฝึกอบรมและการศึกษา สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ได้เขียนบทความเรื่อง “การเตรียมตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกับยานยนต์ไฟฟ้า” ไว้ใน EVAT Directory 2025 มีเนื้อหาสาระที่รอบด้าน ทั้ง ก่อนเกิดเหตุการณ์ / ระหว่างเกิดเหตุการณ์ และ หลังเกิดเหตุการณ์ แถมยังลงลึกเชิงเทคนิคด้านไฟฟ้าไว้อย่างครบถ้วน ev-roads ขอนำมาเผยแพร่กันอีกช่องทางหนึ่ง

ก่อนเกิดเหตุการณ์

  • ควรติดตามฟังข่าวสารเตือนภัยสภาพดินฟ้าอากาศอย่างต่อเนื่อง หากมีการเตือนภัยว่าจะมีน้ำท่วมสูงให้เตรียมย้ายรถไปจอดไว้ในที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายของรถยนต์ไฟฟ้า
 
ระหว่างเกิดเหตุการณ์


  • ควรขับช้าๆ และระวังคลื่นกระทบเข้าใส่ตัวรถ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเข้าชุดไฟแรงดันต่ำ หากค่าความเป็นฉนวนของสายไฟแรงสูงมีความต้านทานเปลี่ยน รถอาจดับ ไฟ ready ดับ หรือขึ้นสัญลักษณ์ความเป็นฉนวน ถ้ารถไม่จมน้ำ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการ นำรถขึ้นรถสไลด์
  • เวลาขับรถแล้วมีน้ำท่วมทางข้างหน้า ควรหลีกเลี่ยงในการขับลุยน้ำท่วมที่เกินดุมล้อ และควรประเมินความลึกของน้ำ หากมีความจำเป็น ต้องขับรถลุยน้ำ ระบบ high volt อาจจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ระบบ low volt อาจจะได้รับผลกระทบ
  • ถ้าเกิดเหตุรถจมน้ำ ใช้ที่ทุบกระจก หรือเหล็กเบาะหนุนศีรษะทุบกระจก รีบออกมาจากตัวรถ และติดต่อศูนย์บริการกู้ภัย
  • หากรถจมน้ำนานมาก ให้ตรวจสอบว่ามีไฟฟ้ารั่วหรือไม่ และยกรถ เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิแบตเตอรี่


หลังเกิดเหตุการณ์รถจมน้ำ

  • ถอดขั้วแบตเตอรี่ 12 โวลท์ และห้ามสตาร์ทรถยนต์โดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับระบบไฟฟ้า
  • เคลื่อนย้ายรถยนต์ด้วยรถสไลด์ หรือสามารถเข็นช้าๆ ได้เพื่อเข้าศูนย์บริการ โดยจอดห่างจากรถยนต์และสิ่งอื่นๆ ในระยะอย่างน้อย 15 เมตร
  • สามารถตรวจสอบความร้อนของแบตเตอรี่ได้ด้วยเครื่องตรวจจับความร้อน
  • ให้ช่างทำรถให้แห้ง โดยถอดอุปกรณ์ พรม เพื่อตรวจสอบความเสียหายของอุปกรณ์ แล้วเปลี่ยน หรือซ่อม ในส่วนที่เสียหาย
  • ควรรีบตัดสินใจซ่อม เพราะไม่เช่นนั้น ชิ้นส่วนอาจเสียหายมากขึ้น เนื่องจากความชื้น


สภาพของน้ำที่ท่วมจะมีผลต่อระดับความเสียหายในระดับต่างๆ ดังนี้

  • ถ้าเป็นน้ำสะอาด อาจสามารถซ่อมรถกลับมาได้
  • ถ้าน้ำสกปรกอาจซ่อมกลับมาลำบาก เพราะอาจจะมีผลต่อขั้วสายไฟ
  • ถ้าเป็นน้ำทะเล จะมีผลต่อระดับความเสียหายมาก เพราะน้ำทะเลมีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้ขั้วต่อสายไฟมีปัญหา
 

ที่มา : สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้