ส.อ.ท. เปิดตัวเลขประวัติศาสตร์! ไทยส่งออก EV เป็นครั้งแรกในเดือน เม.ย. 2568 จำนวน 660 คัน ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 4,764 คัน เพิ่มขึ้น 639.75% ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ยืนระยะที่ 10,981 คัน เพิ่มขึ้น 181.56% ยอดผลิต รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย. 2568) 14,083 คัน เพิ่มขึ้น 327.92%
กรุงเทพฯ : วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 : นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศในเดือนเมษายน 2568 ผลิตรถยนต์ 104,250 คัน ลดลงร้อยละ 0.40 โดยผลิตต่ำสุดในรอบ 44 เดือน ขาย 47,193 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.97 ส่งออก 65,730 คัน ลดลงร้อยละ 6.31 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 4,764 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 639.75 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 10,981 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 181.56 และส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า 660 คันเป็นเดือนแรก
เดือนเมษายน 2568 ผลิตรถยนต์ 104,250 คัน ลดลงร้อยละ 0.40 ผลิตต่ำสุดในรอบ 44 เดือน ขาย 47,193 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.97 ส่งออก 65,730 คัน ลดลงร้อยละ 6.31 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 4,764 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 639.75 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 10,981 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 181.56 ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า 660 คันเป็นเดือนแรก
ยอดผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยในเดือนเมษายน 2568
*การผลิต*
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเมษายน 2568 มีทั้งสิ้น 104,250 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2568 ร้อยละ 19.75 และลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 0.40 ผลิตลดลงไม่มาก เพราะมีการผลิตรถยนต์นั่งและรถ SUV ไฟฟ้าทั้ง BEV PHEV และ HEV ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 639.75 , 319.11 และ 35.31 ตามลำดับ แต่ผลิตรถยนต์นั่งสันดาปภายในลดลงร้อยละ 33.60 เพราะผลิตรถยนต์นั่งส่งออกลดลงถึงร้อยละ 36.93 เนื่องจากมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์บางรุ่น รถกระบะยังคงผลิตลดลงร้อยละ 3.06 เพราะผลิตขายในประเทศลดลงร้อยละ 33.16 ตามยอดขายรถกระบะในประเทศที่ยังคงลดลงร้อยละ 22.25
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - เมษายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 456,749 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 11.96 แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2568 ผลิตได้ 40,025 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 4.80 แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine จำนวน 15,649 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 33.60
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle จำนวน 4,764 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 639.75
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 1,031 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 319.11
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 18,581 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 35.31
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2568 มีจำนวน 159,890 คัน เท่ากับร้อยละ 35.01 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 17.26 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine จำนวน 68,916 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 41.34
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 14,083 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 327.92
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle จำนวน 7,783 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 333.84
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 69,108 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 2.20
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนเมษายน 2568 ผลิตได้ 67,085 คัน เท่ากับร้อยละ 64.35 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 6.73 ส่วนเดือนมกราคม - เมษายน 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 303,881 คัน เท่ากับร้อยละ 66.53 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12.07
รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 13,114 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 36.93 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 54,601 คัน เท่ากับร้อยละ 34.15 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 46.78
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนเมษายน 2568 ผลิตได้ 37,165 คัน เท่ากับร้อยละ 35.65 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 13.52 และเดือนมกราคม - เมษายน 2568 ผลิตได้ 152,868 คัน เท่ากับร้อยละ 33.47 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2567 ร้อยละ 11.72
รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 26,911 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 54.68 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 105,289 คัน เท่ากับร้อยละ 65.85 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - เมษายน 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.16
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47,193 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2568 ร้อยละ 15.42 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 0.97 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการขายรถยนต์นั่งไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในขณะที่รถกระบะและรถ PPV ยังคงขายลดลงร้อยละ 21.7 และ 20.5 ตามลำดับจการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอเพราะดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงลดลงร้อยละ 3.83 การลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งปีนี้ลดลง และจากค่าครองชีพที่ยังสูง ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 31,115 คัน เท่ากับร้อยละ 65.93 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 14.91
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,227 คัน เท่ากับร้อยละ 23.79 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.99
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 10,901 คัน เท่ากับร้อยละ 23.10 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 179.51
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,083 คัน เท่ากับร้อยละ 2.29 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 720.45
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 7,904 คัน เท่ากับร้อยละ 16.75 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.18
รถกระบะมีจำนวน 10,937 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 22.25 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 80 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 2,879 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 20.51 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,086 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.77 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,096 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 5.28
ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2568 รถยนต์มียอดขาย 200,386 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.80 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 127,188 คันเท่ากับร้อยละ 63.47 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 0.38
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 48,784 คัน เท่ากับร้อยละ 24.35 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 13.89
- รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 33,633 คัน เท่ากับร้อยละ 16.78 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 46.03
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 3,543 คัน เท่ากับร้อยละ 1.77 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 409.78
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 41,228 คัน เท่ากับร้อยละ 20.57 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.01
รถกระบะมีจำนวน 51,319 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 15.42 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 173 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 12,266 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 8.71
*การส่งออก เริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเดือนแรก* *รถยนต์สำเร็จรูป*
เดือนเมษายน 2568 ส่งออกได้ 65,730 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 18.77 และลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 6.31 เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่นและการเข้มงวดในเรื่องเทคโนโลยีช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยและการปล่อยคาร์บอนในบางประเทศคู่ค้า รถยนต์ HEV จึงส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 87.96 แต่จำนวนไม่มาก จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ คงต้องติดตามผลการเจรจาของประเทศไทยและประเทศคู่ค้าสำคัญของประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาต่อไป
ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนเมษายน 2568 แบ่งเป็น
- รถกระบะ 44,100 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 67.09 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.92
- รถยนต์นั่ง ICE 8,123 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 12.36 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 49.64
- รถยนต์นั่ง BEV 660 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 1.43 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
- รถยนต์นั่ง HEV 4,701 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 7.15 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 87.96
- รถ PPV 8,146 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 12.39 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 17.68
เดือนมกราคม – เมษายน 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 290,288 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 14.79 แบ่งเป็น
- รถกระบะ ICE 187,875 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 64.72 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 4.53
- รถยนต์นั่ง ICE 40,961 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.11 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 47.24
- รถยนต์นั่ง BEV 660 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.33 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
- รถยนต์นั่ง HEV 17,040 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.87 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 12.25
- รถ PPV 43,752 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 15.07 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.61
เดือนมกราคม – เมษายน 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 296,587.87 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 13.62
*ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเมษายน 2568* เดือนเมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,029 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 32.91 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,264 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 53.12 แบ่งเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 6,093 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 168 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 1 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 2 คัน
- รถกระบะ รถแวน 26 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 550
- รถยนต์สามล้อรับจ้าง 3 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 86.36
- รถจักรยานยนต์ 1,704 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 8.04
- รถโดยสาร 3 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 95.08
- รถบรรทุก 29 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 190
เดือนมกราคม - เมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 40,020 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 11.93 แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 31,661 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 20.49 แยกเป็นรถยนต์นั่ง 31,089 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 431 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 10 คัน และรถยนต์บริการทัศนาจร 131 คัน
- รถกระบะ รถแวน มีทั้งสิ้น 108 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 28.95
- รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 8 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 72.41 แยกเป็นรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 6 คัน รถยนต์รับจ้างสามล้อ 2 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 8,105 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 10.53 แยกเป็น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 8,104 คัน รถจักรยานยนต์สาธารณะ 1 คัน
- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 50 คัน ลดลงเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 53.27
- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 88 คัน ลดลงเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ร้อยละ 32.82
*ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนเมษายน 2568* เดือนเมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 10,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 0.60 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,376 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 0.05 แยกเป็นรถยนต์นั่ง 10,347 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 5 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 14 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 9 คัน รถยนต์บริการให้เช่า 1 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 100 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 132.56 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้ง 100 คัน
เดือนมกราคม - เมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 48,641 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 0.23 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 48,308 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2567 ร้อยละ 0.18 แยกเป็น รถยนต์นั่ง 48,168 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 14 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 76 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 49 คัน รถยนต์บริการให้เช่า 1 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 333 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2567 ร้อยละ 154.20 เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้ง 333 คัน
*ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนเมษายน 2568* เดือนเมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 3,288 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 414.55 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 3,288 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 414.55 เป็นรถยนต์นั่งทั้ง 3,288 คัน
เดือนมกราคม - เมษายน 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 7,420 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 121.56 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 7,420 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2567 ร้อยละ 121.56 แยกเป็นรถยนต์นั่ง 7,397 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 20 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 3 คัน
*ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2568* ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 266,863 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 59.48 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 190,791 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 64.62 แยกเป็น รถยนต์นั่ง 186,771 คัน รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 2,935 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 214 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 174 คัน รถยนต์บริการให้เช่า 3 คัน รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 694 คัน
- รถกระบะและรถแวน 978 คัน
- รถยนต์ 3 ล้อ 1,029 คัน แยกเป็น รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 120 คัน รถยนต์รับจ้างสามล้อ 909 คัน
- รถจักรยานยนต์ 70,246 คัน แยกเป็น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 70,136 คัน รถจักรยานยนต์สาธารณะ 110 คัน
- อื่นๆ : รถโดยสาร 2,836 คัน รถบรรทุก 983 คัน
*ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2568* ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 517,573 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.13 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 508,001 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 32.79 แยกเป็น รถยนต์นั่ง 506,708 คัน รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ 506 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 149 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 265 คัน รถยนต์บริการให้เช่า 6 คัน รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 367 คัน
- รถกระบะและรถแวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,569 คัน เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้งหมด
- อื่นๆ : รถโดยสาร 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
*ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2568* ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 70,534 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.16 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 70,534 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.16 แยกออกเป็น รถยนต์นั่ง 70,439 คัน รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน 1 คัน รถยนต์บริการธุรกิจ 62 คัน รถยนต์บริการทัศนาจร 21 คัน รถยนต์บริการให้เช่า 5 คัน และรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 6 คัน
อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่
https://www.fti.or.th/News/details?id=724
- นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)