เผยโฉม Continental GT - Flying Spur Black Edition รุ่นลิมิเต็ด 400 คันในโลก

Last updated: 14 มิ.ย. 2568 | 132 จำนวนผู้เข้าชม |

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Continental GT - Flying Spur Black Edition แกรนด์ทัวเรอร์พันธุ์ดุ ขุมพลัง High Performance Hybrid สมรรถนะสูง 680 แรงม้า รุ่นลิมิเต็ดมีเพียง 400 คันในโลก

· Black Edition เติมเต็มความสปอร์ตและความดุดันให้กับ Continental GT, Continental GTC, และ Flying Spur

· โดดเด่นด้วยโลโก้เบนท์ลีย์ 'Winged B' และตัวอักษร BENTLEY สีดำบนกระโปรง พร้อมด้วยล้ออัลลอยด์ 10 ก้าน และชุดแต่ง Blackline Specification สีดำเงา

· ขุมพลังเครื่องยนต์แบบ High Performance Hybrid สมรรถนะสูง 680 แรงม้า 930 นิวตันเมตรกับแชสซี Performance Active และระบบไอเสียแบบสปอร์ตจากรุ่น Continental GT Speed

· ภายในห้องโดยสารให้อารมณ์ความสปอร์ตด้วยเบาะโดยสารและกาบบันไดแบบ Black Edition วีเนียร์แบบ Piano Black และการเย็บแบบคอนทราสต์

· รุ่นลิมิเต็ด สายการผลิตจำกัดเพียง 400 คันทั่วโลกเท่านั้น

(ครูว์ 15 เมษายน 2568) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม รุ่น Continental GT และ รุ่น Flying Spur Black Edition ที่ผสมผสานรูปลักษณ์ที่เข้ม ดุดัน และโดดเด่นผ่านชุดแต่ง Blackline Specification ที่เข้ากันกับระบบส่งกำลัง High Performance Hybrid 680 แรงม้า โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์อย่างโลโก้เบนท์ลีย์ ‘Winged B’ สีดำเงาบริเวณฝากระโปรงด้านหน้าและด้านหลัง คาลิปเปอร์เบรกสีส้ม Mandarin และโลโก้ Black Edition เผยให้เห็นด้านมืดของ Continental GT และ Flying Spur แกรนด์ทัวเรอร์สมรรถนะสูง ที่โรงงานจำกัดสายการผลิตที่ 400 คันทั่วโลกเท่านั้น

รุ่น Black Edition เป็นการผสานระบบส่งกำลังแบบ High Performance Hybrid ประสิทธิภาพสูงใหม่เข้ากับแชสซี Bentley Performance Active จะมีเฉพาะในรุ่น Speed เท่านั้น ระบบส่งกำลังที่ผสานเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตรเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังรวมกว่า 680 แรงม้า แรงบิด 930 นิวตันเมตร ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่น Continental GT Speed W12 เจเนอเรชันก่อนหน้านี้

การออกแบบที่โดดเด่น

รุ่น Black Edition ใหม่มาพร้อมคุณสมบัติ Blackline Specification สะท้อนภาพลักษณ์ล้ำสมัย โฉบเฉี่ยว และลึกลับ กระจังหน้าเป็นแบบเมทริกซ์สีดำเงา สปลิตเตอร์ด้านหน้าสีดำ Beluga และการตกแต่งส่วนอื่นด้วยสีดำเงาไม่เหมือนใคร มีโลโก้เบนท์ลีย์ ‘Winged B’ และตัวอักษร BENTLEY สีดำเงารวมถึงโลโก้ Black Edition บริเวณบังโคลนหน้า ล้ออัลลอยด์ 10 ก้าน ขนาด 22 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำเงา พร้อมด้วยตัวเลือกเฉดสีดำทูโทนแบบเงา และคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม Mandarin ที่ตัดกันอย่างสวยงามเป็นมาตรฐานสำหรับทั้งสามรุ่นพิเศษ

รุ่น Continental GT และ Continental GTC Black Edition โดดเด่นด้วยไฟหน้าเดี่ยวแบบ Harmony ดีไซน์ใหม่ พร้อมกับแอนิเมชันต้อนรับ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในรุ่น Speedและรุ่น Azure

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยการปักตัวอักษร Black Edition บนพนักพิงศีรษะของเบาะโดยสารคู่หน้าในรุ่น Continental GT และพนักพิงศีรษะของเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่งในรุ่น Flying Spur นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์แบบ Piano Black กาบบันได Black Edition และการเย็บแบบคอนทราสต์ตามความต้องการของผู้ครอบครอง พร้อมด้วยเบาะโดยสารแบบ Comfort ระบบไฟ Mood Lighting หลากสีภายในห้องโดยสาร จอแสดงผลแบบ Rotating Display และแป้นเหยียบคันเร่งแบบสปอร์ต

เครื่องยนต์อันทรงพลังและแชสซีประสิทธิภาพสูง

Black Edition คือ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์แบบ High Performance Hybrid ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ของเบนท์ลีย์ ซึ่งผสานเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร 520 แรงม้าเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้า ผลิตพละกำลังรวมได้สูงสุดถึง 680 แรงม้า แรงบิด 930 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาทีสำหรับรุ่น Continental GT และรุ่น Continental GT Convertible และ 3.9 วินาทีในรุ่น Flying Spur รถยนต์ทั้ง 3 รุ่นมีพิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนกว่า 80 กม. นอกจากนี้ Black Edition ยังมาพร้อมกับระบบไอเสียแบบสปอร์ตที่จะเพิ่มเสียงคำรามที่ดุดันจากเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตรเมื่อกดคันเร่งเต็มที่

เทคโนโลยี Bentley Performance Active Chassis รุ่น Black Edition ใหม่นี้ ปัจจุบันมีเฉพาะในรุ่น Speed เจ้าของขุมพลัง 782 แรงม้าเท่านั้น ผู้ขับขี่ได้สนุกไปกับสมรรถนะในการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตั้งแต่โหมด Comfort และ Bentley ไปจนถึงโหมด Sport ที่เน้นสมรรถนะ

ในโหมด Sport นั้น Bentley Performance Active Chassis สามารถส่งกำลังได้สูงสุดถึง 100 % ไปยังล้อหลังเพื่อมอบการตอบสนองในการขับขี่ขับขี่ที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัว ทั้งนี้ โหมด Sport ยังส่งผลต่อการปรับการเลี้ยวของล้อหลังได้อย่างชัดเจน พร้อมกับการปรับการหน่วงและช่วงล่างที่แน่นขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงพวงมาลัยที่ตรงและคล่องตัวมากขึ้น

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดรับคำสั่งจอง รุ่น New Continental GT ราคาเริ่มต้น 18,400,000 บาท รุ่น New Continental GT Convertible ราคาเริ่มต้น 20,200,000 บาท และ รุ่น New Flying Spur ราคาเริ่มต้น 16,900,000 บาท พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ V8 Hybrid ด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี