AION UT ล็อตใหม่มาแล้ว x ส่งมอบ AION ES 50 คัน + สถานีชาร์จให้หน่วยงานรัฐ

GAC ประเทศไทย นำเข้า AION UT รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดล็อตใหญ่ถึงท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการลำเลียงขนส่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งมอบให้กับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าเร่งส่งมอบภายในเดือนสิงหาคม 2568

การนำเข้ารถยนต์ AION UT ล็อตใหม่ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ GAC AION ที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าส่งมอบรถยนต์สำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถ AION UT ก่อนงานเปิดตัว AION UT Official Launch คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2568

AION UT ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

รุ่น 420 Standard : มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 50.3 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 kW ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและขับขี่ในชีวิตประจำวัน

รุ่น 500 Premium : ขยับขีดความสามารถไปอีกขั้นด้วยแบตเตอรี่ขนาด 60 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 kW ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ตอบโจทย์ในการเดินทางข้ามจังหวัด

GAC ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า AION ES 50 คัน พร้อมติดตั้งเครื่องชาร์จจาก GAC Energy สนับสนุนภารกิจพลังงานสะอาดและขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับหน่วยงานภาครัฐ

(กรุงเทพฯ, 31 กรกฎาคม 2568) – GAC ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐ ด้วยการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าซีดานรุ่น AION ES จำนวน 50 คัน พร้อมติดตั้งสถานีชาร์จจาก GAC Energy เพื่อสนับสนุนการนำยานยนต์พลังงานสะอาดมาใช้ในภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจ ลดต้นทุนด้านพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัยและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวแทนจาก GAC ประเทศไทย ได้กล่าวว่า "GAC มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด เรามุ่งมั่นในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน และพร้อมที่จะนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเราเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์ของ GAC ที่ต้องการพัฒนาผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดร่วมกับภาครัฐของประเทศไทย"

โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) จากการดำเนินงานของภาครัฐ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ก้าวทันยุคสมัย โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อลดต้นทุนพลังงานในระยะยาวและสร้างระบบการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม