ฟีเจอร์ใหม่เทสลา ปลดล็อกพอร์ตชาร์จใน 3 วิ.!

เทสลา ประเทศไทย อัพเดตฟีเจอร์ปลดล็อกพอร์ตชาร์จใหม่จากการอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 2025.20 สำหรับ Model 3 และ New Model Y โดยแค่ดึงมือจับประตูหลังซ้ายค้างไว้ 3 วินาที ก็สามารถหยุดการชาร์จและปลดสายชาร์จได้ทันที

ฟีเจอร์นี้ทำงานอย่างไร

ทำไมเลือกตำแหน่งประตูหลังซ้าย

แล้วถ้ามีมือดีแอบมาดึงมือจับประตูเข้าล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?

ฟีเจอร์ปลดล็อกพอร์ตชาร์จใหม่ของเทสลาคือหนึ่งใน “ความละเอียดเล็ก ๆ แต่คิดมาแล้วโคตรฉลาด” ของ Tesla ที่สะท้อนทั้ง UX Design (การใช้งานที่ง่ายและเร็ว) และ Security Design (ระบบความปลอดภัยระดับสูง) ผสานกันไว้อย่างลงตัวมาก

มาดูฟีเจอร์นี้กันแบบเจาะลึกทีละมุม...

ฟีเจอร์ “ดึงมือจับประตูหลังซ้ายค้างไว้ 3 วินาที” คืออะไร

Tesla ออกแบบให้ ประตูหลังซ้าย ทำหน้าที่เป็น “ช่องสื่อสารกับระบบชาร์จ” แบบลับ ๆ นิด ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ หยุดชาร์จและปลดสาย ได้โดยไม่ต้องเปิดแอปหรือแตะจอในรถ

เพียงแค่ “ดึงมือจับประตูหลังซ้ายค้างไว้ประมาณ 3 วินาที” รถจะสั่งให้:

หยุดจ่ายไฟจากพอร์ตชาร์จ (cut power flow)
ปลดล็อกหัวชาร์จจากพอร์ต (unlock charging latch)
จากนั้นก็สามารถถอดสายชาร์จออกได้เลย เหมือนกดปุ่ม “Stop Charging” ในแอป แต่ทำผ่านการสัมผัสจริงบนตัวรถ

ทำไมต้อง “ประตูหลังซ้าย”?

เพราะ Tesla ทุกคัน (Model 3, Y, S, X, Cybertruck) วาง พอร์ตชาร์จไว้ที่มุมหลังซ้ายของตัวรถ ดังนั้นตำแหน่ง “ประตูหลังซ้าย” คือจุดที่ใกล้พอร์ตที่สุด เพื่อให้คนยืนอยู่ฝั่งพอร์ตสามารถเอื้อมมือไปปลดได้โดยตรงโดยไม่ต้องเดินอ้อม หรือแตะจุดอื่นให้ยุ่งยาก เรียกได้ว่าเป็นการ ผสมผสาน UX ที่แม่นยำเข้ากับ Engineering Layout เพราะระยะจากมือจับประตูหลังซ้ายถึงพอร์ตชาร์จอยู่ราว ๆ 40–50 ซม. เท่านั้น ถือว่าสะดวกสุดในเชิงการออกแบบ

แล้วถ้าไม่ใช่เจ้าของ แต่มีมือดีมาดึงเล่นล่ะ?

ตรงนี้คือสิ่งที่หลายคนสงสัย แต่ Tesla ไม่ได้ “ปล่อยฟรี” แบบนั้น Tesla ใช้ระบบ Vehicle Authentication Layer 3 ชั้น เพื่อให้แน่ใจว่าการปลดล็อกนั้น “ได้รับอนุญาต” แล้ว :

Proximity Authentication (Bluetooth Key / Phone Key): รถจะตรวจว่ามีคีย์ของเจ้าของ (โทรศัพท์, คีย์การ์ด, หรือตัวกุญแจ) อยู่ในรัศมีหรือไม่ ถ้าไม่มีคีย์อยู่ใกล้ ๆ ระบบจะ “ไม่ปลด” พอร์ต แม้จะดึงมือจับค้างไว้ก็ตาม
State Validation: รถจะอนุญาตให้ปลดพอร์ตได้เฉพาะเมื่อ: รถอยู่ในตำแหน่งเกียร์ “Park” ไม่มีการล็อกทั้งหมด (Unlocked state) และการชาร์จกำลัง “Active but safe to stop”
Charging Lock Control: ถ้าระบบไม่พบคีย์ที่ถูกต้อง สัญญาณปลดล็อกจะถูก บล็อกทันที และไฟ LED บนพอร์ตจะกระพริบเตือน (เช่น สีแดงหรือเหลือง) ว่ามีการพยายามปลดโดยไม่ได้รับอนุญาต

ต้องสแกนลายนิ้วมือไหม?

ไม่ต้อง Tesla ไม่ใช้การสแกนนิ้วกับพอร์ตชาร์จ เพราะระบบ “Key Proximity” และ “Secure CAN Communication” ระหว่างประตู – ECU – Charge Controller มีความแม่นยำสูงอยู่แล้ว แต่ระบบรู้ว่า “คุณคือเจ้าของ” เพราะรถจับสัญญาณจากโทรศัพท์หรือกุญแจดิจิทัลที่จับคู่ไว้ ดังนั้นถ้ามีคนอื่นมาดึงมือจับ มันจะไม่มีผลอะไรเลย (เหมือนดึงประตูที่ล็อกอยู่)

เบื้องหลังการทำงานของฟีเจอร์นี้ (Technical Insight)

เมื่อคุณดึงมือจับประตูหลังซ้ายค้างไว้:

สัญญาณจาก Door Handle Sensor จะถูกส่งผ่าน LIN Bus → Body Control Module (BCM)
BCM จะตรวจสอบเงื่อนไขทั้งหมด (สถานะล็อค, คีย์, โหมดชาร์จ)

ถ้าผ่าน จึงจะส่งคำสั่ง “StopCharge + UnlockPort” ผ่าน CAN Bus ไปยัง Charge Port ECU
Charge ECU จะหยุดจ่ายไฟ → ปลด latch → ส่งสัญญาณไปยัง CCS Connector ให้พร้อมถอด

ทั้งชุดนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ ~0.5 วินาทีเท่านั้น!

อยากให้มองว่า Tesla คิดเรื่อง “ความสะดวกในการใช้งานระหว่างคนกับรถ” ในทุกจังหวะเลยครับ แม้แต่จังหวะ “ถอดปลั๊กชาร์จ” ก็ต้องรวดเร็วและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็น Human-Centric Design ที่ซ่อนความฉลาดไว้จากการดึงมือจับประตูแค่ครั้งเดียว

ทั้งนี้ Model Y / Model 3 จะมีการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไร้สาย (OTA) ที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องเอารถเข้าศูนย์ ตลอดอายุการใช้งาน และ Model 3 เวอร์ชั่นอัปเกรดใหม่ เพิ่มก้านไฟเลี้ยวสำหรับการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งกล้องบริเวณกันชนหน้า ให้มุมมองที่ครอบคลุมกว่าเดิม เพื่อประสบการณ์ขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

เรียนรู้เทคโนโลยีของ Tesla และทดลองขับ ได้ที่ : Tesla Center รามคำแหง , Tesla Center พระราม 5 , Tesla Experience Store สยามพารากอน , Tesla Experience Center เซ็นทรัล เวสต์เกต หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1800-011-199 กด 4

ที่มา : Tesla Thailand / ChatGPT