Last updated: 6 พ.ย. 2568 | 154 จำนวนผู้เข้าชม |
(กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – 6 พฤศจิกายน 2568) – บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรม Honda Automotive Technology Workshop เผยข้อมูลของเทคโนโลยีเจเนอเรชันใหม่สำหรับรถยนต์ ที่มีแผนจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 โดยมีเทคโนโลยีหลักที่นำเสนอในกิจกรรมดังนี้
1) แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันใหม่
2) เทคโนโลยีระบบไฮบริด-ไฟฟ้า (Hybrid-Electric System) สำหรับรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่รุ่นใหม่ ที่มีแผนเปิดตัวในอเมริกาเหนือช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020
3) เทคโนโลยีหลักที่จะนำมา ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า Compact รุ่นผลิตจริง โดยอ้างอิงจาก Super-ONE Prototype ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Japan Mobility Show 2025

ฮอนด้ายึดมั่นในเป้าหมายด้าน “สิ่งแวดล้อม” และ “ความปลอดภัย” นับเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องส่งมอบ ความสนุกและอิสระแห่งการขับเคลื่อนแก่ผู้คนได้อย่างยั่งยืน พื้นฐานแนวคิดดังกล่าว ฮอนด้าได้ตั้ง เป้าหมายระยะยาวไว้ 2 ประการ ได้แก่ “การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน สำหรับทั้งผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมองค์กรทั้งหมด” และ “ลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทั่วโลกให้เป็นศูนย์ (Zero Traffic Collision Fatalities) ภายในปี ค.ศ. 2050

ทั้งนี้ในการแถลงแนวทางการดำเนินธุรกิจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “ฮอนด้า”ได้ประกาศเดินหน้า พัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) และพร้อม มอบคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้าขับเคลื่อนไปสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ควบคู่กับการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ฮอนด้าได้เดินหน้าส่งมอบคุณค่า “ความสนุกในการขับขี่” อันเป็นเอกลักษณ์ในยุคแห่ง ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า (EV) หรือ รถยนต์ไฮบริด นอกจากนี้ ฮอนด้ายังคงยึดหลักการออกแบบ M/M Concept*1 (Man Maximum, Machine Minimum) โดยให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบความสนุกในการขับขี่ ที่พรั่งพร้อมด้วยความ สะดวกสบาย และความสนุกให้แก่ผู้โดยสาร
ภายใต้แนวคิด “Enjoy the Drive” ซึ่งสะท้อนคุณค่าหลักของรถยนต์ฮอนด้า ด้วยแนวคิด M/M Concept และ “ความสนุกในการขับขี่” ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เจเนอเรชันใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมครั้งนี้ ฮอนด้าได้เผยโฉมเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อสะท้อนแนวคิดและ คุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า

ภาพรวมของแพลตฟอร์มขนาดกลางเจเนอเรชันใหม่
ฮอนด้าเดินหน้าพัฒนาสมรรถนะของระบบไฮบริด และแพลตฟอร์มไฮบริด ให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น โดยมีแผนเริ่มนำมาใช้ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2027 เป็นต้นไป
แพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาโดยผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยหลากหลายด้านให้ได้ ทั้งโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาในระดับสูง รวมถึงแนวคิดการออกแบบ ที่แบ่ง ระบบหรือผลิตภัณฑ์ออกเป็นโมดูล ที่ช่วยเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ในหลายรุ่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ฮอนด้าสามารถยกระดับ “ความสนุกในการขับขี่” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อมอบประสบการณ์ การขับขี่ที่เร้าใจสไตล์สปอร์ตและสนุกสนานยิ่งกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม การกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านเสถียรภาพในการขับขี่ อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อสมรรถนะ ของตัวรถ ฮอนด้าได้พัฒนาแนวทางใหม่ในการจัดการความแข็งแรงของตัวถัง เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการ ขับขี่ โดยการปรับสมดุลความแข็งแกร่งของตัวถังให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักโดยรวมของตัวรถลดลง พร้อมทั้งสร้างลักษณะการทรงตัวของรถให้มีความยืดหยุ่นขณะเข้าโค้ง ซึ่งจะสามารถควบคุมแรงกดบนยาง แต่ละเส้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน

ผลลัพธ์ คือ รถยนต์ EV รุ่นใหม่จะมอบเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือความคาดหมาย พร้อมมอบประสบ การณ์ขับขี่ที่สปอร์ต และสนุกเร้าใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ฮอนด้ามีแผนนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปประยุกต์ใช้กับแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย
การพัฒนาดังกล่าวส่งผลให้น้ำหนักแพลตฟอร์มของรถไฮบริด จะลดลงถึง 90 กิโลกรัม (198 ปอนด์) เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์ม รุ่นปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังและนำวิธีการออกแบบทาง วิศวกรรมรูปแบบใหม่มาใช้ แพลตฟอร์มรุ่นใหม่นี้คือความมุ่งมั่นของฮอนด้าที่จะพัฒนารถยนต์ ไฮบริดรุ่นใหม่ที่มอบความสนุกในการขับขี่และประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมไปพร้อมกัน
แนวคิดการออกแบบที่แบ่งระบบหรือผลิตภัณฑ์ออกเป็นโมดูล จะถูกนำมาใช้เพื่อให้ชิ้นส่วนสามารถใช้ ร่วมกันได้หลายรุ่น โดยแยกชิ้นส่วนเป็นโมดูลที่ใช้ร่วมกันได้ เช่น ห้องเครื่องยนต์และโครงสร้างใต้ท้องรถ ส่วนหลัง และโมดูลเฉพาะส่วน เช่น ห้องโดยสารด้านหลัง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนารถรุ่นใหม่
ฮอนด้าตั้งเป้าให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถใช้ร่วมกันได้มากกว่า 60% ในทุกรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ซึ่งจะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์และความหลากหลายของรุ่นรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถ ควบคุมต้นทุนการผลิตได้ ช่วยยกระดับประสิทธิภาพทั้งในด้านการพัฒนาและการผลิตให้เพิ่มขึ้น

การพัฒนาแพลตฟอร์ม ฮอนด้าได้นำเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถได้ตามต้องการมาใช้ เช่น ระบบ Motion Management ที่ต่อยอดองค์ความรู้และต้นแบบด้านการควบคุมท่าทาง การพัฒนาหุ่นยนต์ เทคโนโลยีต้นแบบ นอกจากนี้ ยังเพิ่มเทคโนโลยี Pitch Control*2 เข้าไปในระบบ Agile Handling Assist ซึ่งเป็นระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยให้รถมีพฤติกรรมการเข้าโค้งที่ราบรื่น ซึ่งได้ถูกติดตั้งแล้วใน Accord และ Prelude เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำในทุกสถานการณ์ โดยไม่ถูกจำกัด ด้วยสภาพถนน ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะยกระดับ “ความสนุกในการขับขี่” ให้กับลูกค้า อย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่สำหรับไฮบริดเจเนอเรชันใหม่
จากความต้องการของตลาด ส่งผลให้รถยนต์ไฮบริดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฮอนด้าจึงได้วางทิศทาง ของรถยนต์ไฮบริด โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป ให้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่จะมีบทบาทสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่รถยนต์ไฮบริด โดยเฉพาะในตลาด อเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดหลักของรถยนต์ไฮบริด ที่มีความต้องการรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

ฮอนด้ากำลังพัฒนาระบบไฮบริดรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ การขับขี่ที่ทรงพลังและความสามารถในการลากจูงสูง (High Towing Capability) ควบคู่ไปกับความ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม D-segment ขึ้นไป โดยมีแผนเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020
กิจกรรมนี้ ฮอนด้าได้เผยเทคโนโลยีหลักของระบบไฮบริดขนาดใหญ่เจเนอเรชันใหม่ ประกอบด้วย เครื่องยนต์ V6 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด รวมถึงชุดขับเคลื่อน และชุดแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ

ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนาอัตราการประหยัดน้ำมันของรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่เจเนอเรชันใหม่ให้ดีขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปที่จำหน่ายอยู่ในเซกเมนต์เดียวกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ฮอนด้า จะผสานเครื่องยนต์ V6 รุ่นใหม่ ที่พัฒนาในเรื่องความประหยัดน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น ให้เข้ากับชุดขับเคลื่อน ประสิทธิภาพสูงเจเนอเรชันใหม่ พร้อมทั้งนำระบบควบคุมพลังงานอัจฉริยะรุ่นใหม่มาใช้ เพื่อปรับโหมด การขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น
เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลังให้เหมาะสมกับรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่ ฮอนด้ามุ่งมั่น ปรับปรุงสมรรถนะด้านอัตราเร่งและการเร่งความเร็วเมื่อเหยียบคันเร่งแบบเต็มกำลังให้ดีขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปที่จำหน่ายอยู่ในเซกเมนต์เดียวกัน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และชุดขับเคลื่อนแต่ละส่วน รวมถึงการใช้พลังงานเสริมจากแบตเตอรี่อีกด้วย

ภาพรวมของเทคโนโลยีไดนามิก สำหรับรถยนต์ Compact EV ต้นแบบ Super-ONE
รถยนต์รุ่นผลิตจริงที่พัฒนาขึ้นจากรถต้นแบบ Super-ONE เผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลก ณ งาน Japan Mobility Show 2025 มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2026 เป็นประเทศแรก
ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ที่มีความต้องการรถ Compact EV สูง ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “e: Dash BOOSTER” โดยสร้างสรรค์ให้เป็นรถไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการเดินทางในชีวิตประจำวัน ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน น่าตื่นเต้น มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความสุขภายในห้องโดยสารและการขับขี่

แพลตฟอร์มน้ำหนักเบาที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรถในกลุ่ม Honda N Series มีการขยายความกว้าง ของตัวรถด้วยการใช้พื้นฐานโครงสร้างแชสซีส์ที่มีการขยายระยะห่างระหว่างล้อและซุ้มล้อมาใช้ นอกจากนี้ ยังรวมตำแหน่งของชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมากให้อยู่ในจุดเดียว และลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง ด้วยการติดตั้ง แบตเตอรี่แบบบาง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนหลักของรถ EV ไว้ที่ศูนย์กลางใต้ท้องรถ
ด้วยวิธีการนี้ รถต้นแบบ Super-ONE จึงมีน้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่มรถยนต์ EV ในระดับ A-segment และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปขนาด Compact ทั่วไป จุดต่าง ๆ เหล่านี้ ช่วยให้รถต้นแบบ Super-ONE มีการตอบสนองต่อการควบคุมของผู้ขับได้อย่างฉับไว และมอบ การควบคุมที่สมดุลและมั่นคงแม้ในขณะเข้าโค้ง โดยให้สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ตอบสนอง ได้อย่างแม่นยำ และมั่นใจตลอดการขับขี่

รถรุ่นผลิตจริงที่พัฒนาขึ้นจากรถต้นแบบ Super-ONE จะมาพร้อมกับฟังก์ชัน “Boost Mode” ที่พัฒนา ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนให้เครื่องยนต์สามารถมอบสมรรถนะได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมผสานการทำงานกับระบบจำลองเกียร์ 7 สปีด และระบบ Active Sound Control เพื่อสร้างเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและให้ความรู้สึกการเปลี่ยนเกียร์ที่เฉียบคม เสมือนกำลังขับรถยนต์ที่ ใช้เครื่องยนต์สันดาปที่มีระบบเกียร์หลายจังหวะแบบดั้งเดิม

ระบบจำลองเกียร์ 7 สปีด จะมีการคำนวณความเร็วรอบเครื่องยนต์จำลองและตำแหน่งเกียร์แบบเรียลไทม์ โดยอิงจากการควบคุมของผู้ขับ เช่น การเหยียบคันเร่ง สภาพการขับขี่ ความเร็วของรถ รวมถึงพฤติกรรม ของรถขณะเข้าโค้ง ด้วยการควบคุมกำลังการขับขี่และการตอบสนองอย่างเหมาะสม ผู้ขับจึงสามารถ เพลิดเพลินกับการขับขี่ พร้อมกับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ นอกจากนี้ ระบบเกียร์จำลอง 7 สปีด ยังจำลองแรงกระชากจากการ “คิกดาวน์” ขณะเร่งความเร็ว และจำลองพฤติกรรมของรถขณะเกิด “fuel cut” ซึ่งเป็นการตัดการจ่ายเชื้อเพลิงชั่วคราวเพื่อปกป้องเครื่องยนต์และควบคุมรอบเครื่องให้เหมาะสมด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้

ฮอนด้าจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์และเอกลักษณ์การขับขี่ที่มุ่งมั่นพัฒนามาตลอดหลายปีในยุครถสันดาป เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อ Super-ONE โดยเฉพาะ ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะมอบ “ความสนุกในการขับขี่” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Super-ONE ซึ่งผสมผสานความรู้สึกระหว่างการเร่งความเร็วที่นุ่มนวลอย่างต่อเนื่องของรถ EV เข้ากับ ประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจของรถสันดาปได้อย่างลงตัว