Last updated: 21 พ.ย. 2568 | 126 จำนวนผู้เข้าชม |
ศูนย์วิจัย MOVE ร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) จัดสัมมนาส่องเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Micro EVs ชี้มีศักยภาพสูงในการเชื่อมต่อระบบขนส่งขนาดใหญ่เช่น BTS และ MRT ควรเร่งพัฒนาระบบชาร์จ และระบบแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ใช้ร่วมกันได้

ศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) ร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และ RX BITEC จัดสัมมนาส่องเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 โดยมีไฮไลต์ของงานสัมมนาอยู่ที่การบรรยายพิเศษของ รองศาสตราจารย์ ดร. ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในหัวข้อ Micro EVs: ก้าวใหม่ของนวัตกรรมยานยนต์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568

รศ.ดร. ยศพงษ์ ลออนวล กล่าวว่า Micro EVs หรือยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้ามาตรฐาน L7e ถือเป็นยานพาหนะที่มีน้ำหนักเบา ใช้พลังงานต่ำ และเหมาะสมอย่างยิ่งกับบริบทเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและพื้นที่จำกัด ด้วยระยะทางขับขี่ที่ตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้น มีศักยภาพสูงในการทำหน้าที่เป็นระบบการเดินทางช่วงต้นทางและปลายทาง (First-mile/Last-mile) เพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า BTS และ MRT อย่างมีประสิทธิภาพ

การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งาน เช่น ระบบชาร์จมาตรฐานเดียวกัน และระบบแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping) ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ จะช่วยเพิ่มความสะดวก ลดเวลาในการให้บริการ และลดต้นทุนในการดำเนินงาน ดังนั้น Micro EVs จึงเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ การผลิตในประเทศ และการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเดินทางในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ซึ่งต้องการยานพาหนะที่กะทัดรัด คล่องตัว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ในช่วงสุดท้ายของทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยได้จัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ“จากนวัตกรรมสู่การใช้งานจริง: ความท้าทายและโอกาสของ Micro EVs ในประเทศไทย” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบาย เทคโนโลยี และโอกาสเชิงพาณิชย์สำหรับการนำ Micro EVs ไปสู่การใช้งานจริงในบริบทของประเทศ โดยผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท อี เอ็น มอเตอร์ จำกัด, บริษัท วินโนหนี้ จำกัด,บริษัท ไอ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท เดโก้ กรีน เอเนอร์จี้ จำกัด
ที่มา : Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE)
10 พ.ย. 2568