Last updated: 23 พ.ย. 2568 | 230 จำนวนผู้เข้าชม |
กระทรวงคมนาคม ผนึก กรมการขนส่งทางบก และ กรุงเทพมหานคร ลดมลพิษทางอากาศ ด้วยการส่งเสริมการใช้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ชวนรถใหญ่ลงทะเบียน “Green List” เตรียมรับมือเขตมลพิษต่ำห้ามรถโดยสารและรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ขับเข้าพื้นที่ 50 เขตกทม.ในช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 อยู่ในขั้นวิกฤติ
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญสูงสุดในการรับมือและลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้มีการเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์สะอาด ผลักดันให้นำรถโดยสารสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์ Euro 5 และส่งเสริมการใช้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) มาให้บริการทดแทนรถเก่า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณควันดำและฝุ่น PM 2.5 จากภาคขนส่งได้โดยตรง พร้อมกำชับให้กรมการขนส่งทางบกบังคับใช้กฎหมายตรวจวัดควันดำจากรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ ด้วยการสนับสนุนมาตรการ 'เขตมลพิษต่ำ' (Low Emission Zone) ของกรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่วิกฤต รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ “บัญชีสีเขียว (Green List)” และบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อร่วมกันสร้างระบบขนส่งที่ปลอดภัยและยั่งยืน ลดแหล่งกำเนิดมลพิษ และร่วมกันสร้างอากาศที่บริสุทธิ์และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทย
ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ในฐานะหน่วยงานกำกับ ดูแล การขนส่งทางถนนให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินแผนป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคขนส่งมาอย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านมาตรการทางภาษีประจำปีและจัดเจ้าหน้าที่กองตรวจการลงพื้นที่ตรวจควันดำจากรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ รวมถึงบูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบการดำเนินงานของสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีแผนจะกำหนดเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Low Emission Zone) โดยมีมาตรการห้ามรถโดยสารและรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้นรถที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ รถโดยสารและรถบรรทุก ประเภท EV, NGV, EURO 5–6 ซึ่งได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) เรียบร้อยแล้ว) ขับเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ในช่วงสถานการณ์ฝุ่นอยู่ในขั้นวิกฤติ เพื่อลดมลพิษและฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีการจราจรหนาแน่น และมีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 สูง และเพื่อลดปัจจัยต้นตอสำคัญของมลพิษและลดความอันตรายต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยกรมการขนส่งทางบกแนะนำผู้ประกอบการ
สำหรับรถโดยสารและรถบรรทุก ต้องบำรุงรักษารถโดยดำเนินการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองอากาศ หรือติดตั้งตัวกรองอนุภาคไอเสียดีเซล พร้อมทั้งต้องลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถลงทะเบียน ผ่าน QR CODE (ดังแนบ) หรือ https://lez.bangkok.go.th/ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 31 มี.ค. 69 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร 0 2203 2951
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวแนะนำผู้ประกอบการขนส่งตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ดังนี้
1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนดเวลา
2. ทำความสะอาดหม้อกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ
3. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์เป็นประจำ
4. ตรวจสอบและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ฉีดน้ำมันได้เป็นฝอยละอองละเอียด
5. ตรวจสอบและทำความสะอาดระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
6. กรณีใช้รถบรรทุกที่ไม่มีหลังคาต้องจัดให้มีผ้าใบคลุมหลังคาที่มีสภาพเหมาะสมและสมบูรณ์ไม่ฉีกขาดหรือไม่มีรอยรั่วมาปกคลุมสัตว์หรือสิ่งของที่บรรทุกให้มิดชิดตลอดระยะเวลาและตลอดเส้นทางการขนส่งสินค้า เพื่อป้องกันสินค้าหรือเศษวัสดุตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อเหตุเดือดร้อน รำคาญ และทำให้ทางสกปรก เปรอะเปื้อน และเสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน หรือก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5
ทั้งนี้ กรมฯ จะดำเนินการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น จัดผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำ จากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสารบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ตามมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำ จากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา : กรมขนส่งทางบก