X

นโยบาย EV ไทย เวิร์คจริง! ยอดเงินส่งเสริมการลงทุนพุ่ง 1.4 แสนล้าน X ค่ายรถญี่ปุ่นกลับลำลงทุนเพิ่ม

Last updated: 25 ธ.ค. 2568  |  172 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นโยบาย EV ไทย ‘เวิร์คจริง’! ยอดเงินส่งเสริมการลงทุนพุ่ง 1.4 แสนล้าน

BOI เปิดเผยรายงาน “2025 Year in Review” ระบุอุตสาหกรรม EV เป็น 1 ใน 3  Big Move แห่งปีที่เปลี่ยนนโยบายในแผ่นกระดาษให้ไทยเป็น “ฐานการผลิต EV” อย่างเต็มรูปแบบ ยอดเงินส่งเสริมการลงทุน ณ เดือนตุลาคม 2568 พุ่ง 1.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า  นอกจากนั้น หลังจากโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังสามารถชักชวนให้ค่ายรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น 6 รายใหญ่ ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ มาสด้า มิตซูบิชิ และนิสสัน กลับมาเดินหน้าทุ่มงบลงทุนในไทยอีก 5 หมื่นล้านบาท จากความชัดเจนในมาตรการสนับสนุนการผลิต HEV และ MHEV ของบอร์ดอีวี

3 ปรากฏการณ์ ‘Big Moves’ มีอะไรบ้าง?

BOI NEWS ได้เผยแพร่ 2025 Year in Review สรุป 3 ปรากฏการณ์ ‘Big Moves’ ที่พลิกโฉมการลงทุนไทยสู่สายตาโลก ไว้ดังนี้ :

ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แบ่งโลกออกเป็นขั้ว ประเทศไทยกลายเป็น “ผู้ถูกเลือก” ที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตัวเลขสถิติช่วง 9 เดือนแรกจากปี 2025 (มกราคม - กันยายน) ยืนยันชัดเจนว่าเราไม่ได้เดินตามเกมโลก แต่เรากำลังกำหนดตำแหน่งใหม่บนกระดานโลก

นี่คือการเจาะลึก 3 ปรากฏการณ์ ‘Big Moves’ ครั้งประวัติศาสตร์ ที่เปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็น “The New Strategic Anchor” หรือสมอทางยุทธศาสตร์ใหม่แห่งเอเชียอย่างสมบูรณ์แบบ

Big Move 1: The Data Center Boom ไทยผงาดสู่ ‘Digital Backbone’ ของภูมิภาค

ปรากฏการณ์แรกที่เด่นชัดและทรงพลังที่สุดในปีนี้ คือการที่ไทยก้าวขึ้นมาเป็น Digital Backbone ของอาเซียนอย่างเต็มตัว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ แต่เป็น ‘คลื่นสึนามิ’ ของเม็ดเงินลงทุนที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขที่สั่นสะเทือนวงการที่สุดคือยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่พุ่งทะยานแตะระดับ 6.12 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 1 แซงหน้าทุกกลุ่มธุรกิจ

ความร้อนแรงนี้ยังไม่หยุดยั้ง เมื่อล่าสุดในช่วงส่งท้ายปีบอร์ดบีโอไอได้อนุมัติโครงการ Data Center ขนาดใหญ่ เพิ่มอีก 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท จากผู้เล่นระดับโลกทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง และอังกฤษ ที่ตบเท้าเข้ามาปักหมุดในไทย

การอนุมัติครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างอาคารเก็บเซิร์ฟเวอร์ แต่เป็นการวางรากฐานให้ไทยเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้ใช้" สู่ "ผู้ให้บริการ" โครงสร้างพื้นฐาน AI และ Cloud ระดับโลก การมี Data Center ระดับ Hyperscale ผุดขึ้นในไทย หมายถึงความเสถียรของระบบดิจิทัลที่ดึงดูดธุรกิจ Tech ทั่วโลกให้เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการให้บริการข้อมูล ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินสะพัดและยกระดับขีดความสามารถทางดิจิทัลของประเทศอย่างก้าวกระโดด

Big Move 2: The Electronics Titan ครองแชมป์ ‘ฐานผลิต PCB อันดับ 1 อาเซียน’

Big Move ที่สองคือการเคลื่อนย้ายฐานทุนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรม แผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งเป็นหัวใจของอุปกรณ์อัจฉริยะทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถEV

ในปี 2568 ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิต PCB อันดับ 1 ของอาเซียน และ Top 5 ของโลก โดยมียอดโครงการลงทุนในกลุ่ม PCB รวมสะสมตั้งแต่ปี 2565 - มิถุนายน 2568 กว่า 180 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยอดขอรับการส่งเสริมในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ยังสูงถึง 1.8 แสนล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ต่อเนื่อง

ไฮไลต์สำคัญที่ตอกย้ำการยกระดับอุตสาหกรรมนี้ คือกรณีของ Microchip Technology ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ที่ประกาศขยายการลงทุนครั้งใหญ่ในไทย เพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการทดสอบชิป (Testing Hub) ที่สำคัญของภูมิภาค

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่ได้เป็นแค่โรงงานประกอบอีกต่อไป แต่กำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นฐานการผลิตเชิงเทคนิคมีความซับซ้อนและมูลค่าสูงขึ้น การมีทั้งโรงงานผลิต PCB ต้นน้ำไปจนถึงขั้นตอนการทดสอบชิปขั้นสูง ทำให้ไทยกลายเป็น Electronics Ecosystem ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย

Big Move 3: The EV Realization จากนโยบายสู่ ‘Production Hub’ เต็มรูปแบบ

Big Move สุดท้ายคือบทพิสูจน์ว่านโยบาย EV 3.5 ของไทย ‘เวิร์คจริง’ และได้รับเสียงตอบรับที่แข็งแกร่งอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแค่จากค่ายรถใหม่แต่รวมถึงมหาอำนาจเดิมที่กลับมาทุ่มสุดตัว!

ในปี 2025 เราไม่ได้เห็นแค่รถ EV วิ่งบนถนน แต่เราเห็นการผลิตจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ณ เดือนตุลาคม 2568 บีโอไอส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ไปทั้งสิ้น 1.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ สถานีชาร์จไฟฟ้า และสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การตอกย้ำความเชื่อมั่นระยะยาวจากค่ายรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น 6 รายใหญ่ ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ มาสด้า มิตซูบิชิ และนิสสัน ในภารกิจโรดโชว์ ณ ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าลงทุนในไทยกว่า 5 หมื่นล้านบาท ผลจากความชัดเจนในมาตรการสนับสนุนการผลิต HEV และ MHEV ของบอร์ดอีวีที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดค่าย Mazda ก็ตัดสินใจลงทุนเพิ่มกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภท MHEV ส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) กว่าร้อยละ 70 อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าไทยได้เปลี่ยนสถานะจากตลาดเป้าหมาย กลายเป็น Production Hub ที่ส่งออก EV และชิ้นส่วนไปยังตลาดโลกอย่างแท้จริง การที่ทั้งค่ายรถ EV จีนระดับบิ๊กเนม (BYD, Changan, GAC Aion) เริ่มเดินสายพานการผลิต พร้อมกับค่ายญี่ปุ่นที่เร่งเครื่องปรับไลน์การผลิต เป็นเครื่องยืนยันว่าไทยยังคงรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้อย่างเหนียวแน่น และเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในภูมิภาคที่มี Ecosystem รองรับทั้งรถยนต์สันดาปเดิมและรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ไปพร้อมกัน

3 ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการวางหมากอย่างแม่นยำของบีโอไอ ที่ปรับบทบาทสู่การเป็น Integrator และ Facilitator อย่างเต็มรูปแบบ

ปี 2025 พิสูจน์แล้วว่า ไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็น Safe Haven ที่ปลอดภัยและเติบโตที่สุดสำหรับนักลงทุน และในปี 2026 บีโอไอจะไม่หยุดยั้งที่จะผลักดันให้ไทยก้าวไปไกลกว่าเดิม เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการลงทุนในประเทศไทยในวันนี้ จะกลายเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนในวันพรุ่งนี้


ที่มา : เพจ BOI NEWS

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้