X

เอกนัฏ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยียานยนต์สะอาด ก้าวสู่ EV Hup

Last updated: 2 มิ.ย. 2568  |  259 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เอกนัฏ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยียานยนต์สะอาด ก้าวสู่ EV Hup

รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ลั่น! บนเวที EARTH JUMP 2025 มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยในบริบทเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน เทคโนโลยียานยนต์สะอาด พร้อมปรับโครงสร้างยานยนต์ไทยสู่ EV Hup เร่งจัดการปัญหามลพิษ เปลี่ยนมุมมองจากการควบคุม “ต้นทุน” สู่การ “ลงทุน” ยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการ สร้างสภาพแวดล้อมเชิงเศรษฐกิจใหม่มุ่งเน้นคุณภาพและความยั่งยืน 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “SMEs in the Eye of the Storm : Navigating Sustainably in a Turbulent World” ภายในงาน EARTH JUMP 2025 : Transition Turbulence จัดโดย ธนาคารกสิกรไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพธุรกิจและประชาชนสู่แนวทางปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) พร้อมด้วย นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย นายกรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย คณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย คณะกรรมการเครือข่ายความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศของไทย (ThaiCBN) ให้การต้อนรับ ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า นโยบายด้านอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน (Opening Session) ตลอดจนทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทย ในบริบทของเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” หรือ Climate Change ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์รัฐบาล ที่จะต้องพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลไทยมุ่งยกระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษในภาคขนส่งอย่างจริงจัง โดยเฉพาะมาตรการควบคุมไอเสียจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ผ่านการบังคับใช้มาตรฐาน Euro 5 ซึ่งกำหนดเกณฑ์การปล่อยสารมลพิษในระดับต่ำกว่าที่เคย ส่งผลโดยตรงต่อการลดปริมาณ PM2.5 และสารพิษในอากาศในเขตเมือง ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเทคโนโลยียานยนต์สะอาดยังเป็นกลไกหลักในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาค (EV Hub) อีกด้วย

ในภาคการเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขมาตรการแก้ปัญหาการเผาอ้อย จัดการปัญหามลพิษอย่างจริงจัง เพราะเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญของปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ชนบทและปริมณฑล มาจากการเผาเศษวัสดุการเกษตรโดยเฉพาะอ้อย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน กระทรวงฯ จึงร่วมผลักดันการแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม พร้อมเร่งส่งเสริมระบบเก็บเกี่ยวอ้อยสด รวมถึงการนำใบอ้อยมาใช้ประโยชน์เชิงพลังงานหรือวัสดุชีวภาพ ลดการพึ่งพาการเผาทำลาย


ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรม มีปัญหาการนำเข้าวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีมาตรฐาน หรือที่รู้จักกันในวงกว้างว่า “ศูนย์เหรียญ” ที่ส่งผลลบทั้งต่อเศรษฐกิจ ความปลอดภัยของประชาชน และสิ่งแวดล้อม วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ก่อให้เกิดการชำรุดเสียหายทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ปลายทาง อุตสาหกรรมจึงต้องเร่งยกระดับมาตรฐานด้านคุณภาพ ตลอดจนระบบตรวจสอบและบังคับใช้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบในอนาคต ในระยะถัดไปภาคอุตสาหกรรมจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านในหลายมิติ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมุมมองจากการควบคุม “ต้นทุน” มาสู่การ “ลงทุน” เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และสร้างสภาพแวดล้อมเชิงเศรษฐกิจใหม่ที่มุ่งเน้นคุณภาพ ความยั่งยืน และมูลค่าเพิ่ม แนวทางดังกล่าวรวมถึงการรื้อระบบการจัดการของเสียในภาคอุตสาหกรรม การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) และการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำตาลเกรดพรีเมียมที่เป็น Green Product ลดการปล่อยคาร์บอนระหว่างกระบวนการผลิต



 
ทั้งนี้ แนวทางการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น สิทธิประโยชน์จาก BOI ที่มุ่งเน้นคุณภาพและประสิทธิภาพของการลงทุน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ด้วยแนวคิด “เศรษฐกิจสีเขียว” (Green Economy) และ “การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” (Environmentally Friendly Production) เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมูลค่าใหม่ที่ยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์มาตรฐานสากลที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากการลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและต้นทุนระยะยาว การลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด วัตถุดิบที่ยั่งยืน และระบบจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพ ยังเป็นการยกระดับ ขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และสร้าง ภาพลักษณ์ขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม

 

ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรม

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้