เดลต้า ส่งมอบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ทดสอบ ATTRIC สถาบันยานยนต์

เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย ส่งมอบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง "ศูนย์ทดสอบ ATTRIC" หนุนสถาบันยานยนต์ขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตด้วยพลังงานสะอาดของไทย

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขั้นสูงให้แก่สถาบันยานยนต์ (TAI) ในพิธีเปิดศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) อย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านยานยนต์และการคมนาคมที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568

ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เยี่ยมชมศูนย์ ATTRIC และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) จากบริษัทเดลต้า ตอกย้ำการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย

นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ศูนย์ทดสอบ ATTRIC เป็นรากฐานสำคัญของอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การติดตั้งเครื่องชาร์จความเร็วสูง UFC 200 และเครื่องชาร์จอัจฉริยะ AC MAX ของเดลต้าในศูนย์ที่มีมาตรฐานระดับโลกแห่งนี้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ายานยนต์ทุกคันที่ผ่านการทดสอบจะเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากลทั้งด้านสมรรถนะและความปลอดภัย ความร่วมมือครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจร่วมกันของสององค์กรในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่การคมนาคมที่สะอาดและยั่งยืน”

นายอนุสรณ์ เนื่องผลมาก ประธานกรรมการสถาบันยานยนต์ ในนามของสถาบันยานยนต์ กล่าวว่ามีความยินดีที่ได้รับมอบสถานีประจุไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าด้านการทดสอบของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าตามมาตรฐานสากล และช่วยให้ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ สามารถเข้าถึงการทดสอบในประเทศ ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการส่งไปทดสอบต่างประเทศ ทั้งยังเป็นการสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืน

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ส่งมอบในครั้งนี้ประกอบด้วย UFC 200 Ultra-Fast DC Charger กำลังไฟสูง 200 กิโลวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง พร้อมระบบโหลดแบบไดนามิก รองรับการชาร์จรถยนต์หลายคันพร้อมกัน ด้วยแรงดันไฟฟ้าที่สูงสุดถึง 920 โวลต์ และระบบการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย ผ่านระบบต่าง ๆ เช่นระบบ RFID และบัตรเครดิต ทำให้เทคโนโลยีนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับสภาพแวดล้อมการทดสอบที่ต้องการมาตรฐานสูง

นอกจากนี้ เดลต้ายังได้ส่งมอบเครื่องชาร์จ AC MAX Charger กำลังไฟฟ้า 22 กิโลวัตต์ สามารถรองรับการชาร์จพร้อมกันได้สูงสุดถึง 4 คันภายใต้สภาพการใช้งานจริงจำนวน 2 เครื่อง พร้อมระบบด้านการเชื่อมต่อขั้นสูงและมาตรฐานความปลอดภัยชั้นนำในอุตสาหกรรม รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่มีความน่าเชื่อถือและยืดหยุ่นสูง ระบบเหล่านี้ช่วยเสริมศักยภาพให้ศูนย์ ATTRIC สามารถชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างครบวงจร

ศูนย์ทดสอบ ATTRIC ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,235 ไร่ ในตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทย เป็นสนามทดสอบมาตรฐานรถยนต์แบบครบวงจรสำหรับประเมินความปลอดภัย สมรรถนะ และประสิทธิภาพการขับขี่ของยานยนต์ภายใต้สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย โดยมีระบบชาร์จไฟฟ้าของเดลต้าที่ผสานเข้ากับการดำเนินงานของ ATTRIC อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ทั้งผู้ผลิต หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิชาการ สามารถเข้าถึงระบบนิเวศการทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรที่สามารถประเมินยานยนต์ไฟฟ้าได้ในสภาพการชาร์จจริง ควบคู่ไปกับการทดสอบยานยนต์แบบดั้งเดิม

ความร่วมมือของเดลต้ากับสถาบันยานยนต์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่มีต่อเดลต้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2560 และ 2561 เดลต้ายังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการทดสอบยานยนต์ของไทย ด้วยการมอบอุปกรณ์ให้แก่ห้องปฏิบัติการกล้วยน้ำไท (Kluaynamthai Laboratory) และสำนักงานทดสอบยานยนต์ (Automotive Testing Office) ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการย้ำบทบาทของเดลต้าในฐานะพันธมิตรที่มุ่งมั่นผลักดันนวัตกรรมยานยนต์และอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านความยั่งยืน

ทั้งนี้ การผสานศักยภาพของศูนย์ทดสอบ ATTRIC ที่ล้ำสมัยเข้ากับความเชี่ยวชาญของเดลต้าด้านเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะช่วยผลักดันการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ทั้งยังเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดในภูมิภาค และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : สถาบันยานยนต์