X

ORA Good Cat รถไฟฟ้าตระกูลเหมียวสเปคเลิศ

Last updated: 20 Jul 2023  |  2984 Views  | 

ORA Good Cat รถไฟฟ้าตระกูลเหมียวสเปคเลิศ

ORA Good Cat “โอร่า กู๊ดแคท” หรือชื่อในภาษาจีนคือ Haomao (เฮาเม่า) หมายความว่า “แมวดี” เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าตระกูลแมวเหมียวของ GMW Globel ที่มีทั้ง good cat, white cat และ black cat โดย good cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทย ภายใต้การบริหารการตลาดของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564

การเปิดจองครั้งนั้นเป็นการเปิดให้จองพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น 400 TECH รุ่น 400 PRO และ รุ่น 500 ULTRA แต่ไม่ได้ประกาศราคา ได้สร้างปรากฏการณ์ทุบทุกสถิติหลังยอดจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อสูงถึง 4,296 คัน ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเปิดจอง

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ORA Good Cat ก็ได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างล้นหลาม และสามารถเก็บกวาดยอดจองและยอดจดทะเบียนในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2564-2565

ล่าสุด ORA Good Cat มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ดังนี้

 ORA Good Cat รุ่น 400 TECH ราคา 763,000 บาท

 ORA Good Cat รุ่น 400 PRO ราคา 828,500 บาท

 ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA ราคา 959,000 บาท

 ORA Good Cat รุ่น GT ราคา 1 1,286,000 บาท



ora good cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ประเภท Sport EV ที่มีความครบครันทั้งด้านฟังก์ชั่นล้ำสมัยและดีไซน์ที่สวยงาม นับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจรรุ่นแรกที่ใช้พื้นฐานความรู้และการยกระดับเทคโนโลยีจากฐานระบบไฟฟ้าเดิมของ gwm lemon และ coffee intelligent ecology โดยผสมผสานกลิ่นอายสไตล์เรโทรและความทันสมัยได้อย่างลงตัว

เครื่องยนต์

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้า 100% ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนของแบตเตอรี่มี 2 แบบ แบบแรกเป็นประเภทลิเธียมไอออนฟอสเฟต ความจุ 47.788 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในรุ่น 400 Tech และ 400 Pro ทำระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)



แบบที่สองเป็นแบตเตอรี่ประเภทลิเธียม Ternary ความจุ 63.139 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในรุ่นท็อป 500 Ultra และ GT ทำระยะทางขับขี่ได้สุงสุด 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) โดยแบตเตอรี่ทุกรุ่นมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และสามารถป้องกันการแทรกซึมของน้ำลึกสุด 1 เมตร นาน 30 นาที อีกทั้งยังมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ ภายใน 0.1 วินาที หลังเกิดการชน

ส่วนของสมรรถนะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราเร่งรวดเร็วและตอบสนองทันทีทันใด โหมดการขับขี่มี 5 แบบ ประกอบด้วย โหมดมาตรฐาน เน้นความสมดุลระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โหมด eco เน้นขับขี่แบบประหยัดพลังงาน โหมด eco+ เน้นการประหยัดพลังงานสูงสุด โหมด sport เน้นการตอบสนองที่ว่องไว สนุกเร้าใจ แต่กินพลังงานมากที่สุด และโหมดอัตโนมัติที่จะปรับการตอบสนองของรถตามลักษณะการขับขี่ได้เองโดยอัตโนมัติ

ora good cat รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบไฟบ้านปกติ AC และการชาร์จแบบเร็วด้วยกระแสตรง DC โดยรุ่น 400 Tech และ 400 Pro ใช้เวลาชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้า AC จาก 0% – 100% ราว 8 ชั่วโมง ส่วนรุ่น 500 Ultra  และ GT ใช้เวลาราว 10 ชั่วโมง ขณะที่การชาร์จแบบเร็วด้วยกระแสไฟฟ้า DC รุ่น 400 Tech และ 400 Pro ใช้เวลาชาร์จจาก 0% – 80% ราว 45 นาที รุ่น 500 Ultra ใช้เวลาชาร์จ 60 นาที ส่วนรุ่น GT ใช้เวลาชาร์จจนเต็มจาก 30-80% ประมาณ 40 นาที

ระบบกันสะเทือนของ ora good cat ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง เน้นปรับแต่งมาเพื่อมอบความนุ่มนวลในการขับขี่พร้อมประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีทั้งทางตรงและทางโค้ง

ระบบพวงมาลัยของ ora good cat เป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า เน้นความนุ่มนวล น้ำหนักเบา ควบคุมง่าย และแปรผันน้ำหนักพวงมาลัยตามความเร็วที่ขับ ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ในทุกรุ่นย่อย มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ครบตามมาตรฐาน



ภายนอก EXTERIOR

โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด Retro Futuristic ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว รูปลักษณ์ภายนอกมีความโค้งมน ไม่มีเส้นสายโฉบเฉี่ยว ดูเรียบหรู พร้อมจุดเด่นที่ไฟหน้าทรงกลมทรง Cat-Eyes อันเป็นเอกลักษณ์ ดีไซน์โดยรวมมีความน่ารัก ขี้เล่น สนุกสนาน และมีความเป็นแฟชั่น เหมาะสำหรับวัยรุ่น วัยทำงาน และคนรุ่นใหม่



มิติตัวถังของ ora good cat ทั้ง 3 รุ่นย่อย 400 TECH 400 PRO และ 500 ULTRA มีขนาดเท่ากันทั้งหมด มีความยาว 4,235 มม. ความกว้าง 1,825 มม. ความสูง 1,596 มม. มีระยะฐานล้อ 2,650 มม. มีความสูงใต้ท้องรถ 145 มม.



สำหรับ ORA Good Cat GT จากการเสริมหล่อทำให้มีมิติตัวถังเปลี่ยนจากปกติเล็กน้อย โดยมีความกว้างของตัวถังเพิ่มขึ้น 23 มม. เป็น 1,848 มม. ความยาวตัวถังเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 19 มม. เป็น 4,254 มม. มีความสูง 1,596 มม. เท่าเดิม เช่นเดียวกับระยะฐานล้อ 2,650 มม. ขณะที่ความกว้างล้อคู่หน้าอยู่ที่ 1,557 มม. ส่วนล้อคู่หลังอยู่ที่ 1,577 มม.

ora good cat พัฒนาบนแพลตฟอร์ม gwm LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะที่มีความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มความความปลอดภัย และเสริมสมรรถนะการขับขี่ได้เป็นอย่างดี มีการออกแบบให้แบตเตอรี่อยู่ใต้พื้นห้องโดยสารซึ่งช่วยในเรื่องจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดี และไม่รบกวนพื้นที่ภายในห้องโดยสาร

ทางด้านดีไซน์ด้านหน้ารถดูโค้งมน น่ารักและเป็นมิตรกับทุกคน ระบบไฟหน้าเป็นแบบอัจฉริยะ Intelligent LED มีฟังก์ชันเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ฟังก์ชันปรับไฟสูงอัตโนมัติ และฟังก์ชันไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ สำหรับรุ่นท็อป 500 Ultra และ GT จะได้ฟังก์ชันไฟ Welcome Light เพิ่มเข้ามาด้วย สิ่งที่มาคู่กับไฟหน้าทรงกลมคือไฟ Daytime Running Light แบบวงแหวน LED สวยงามทันสมัยและให้อารมณ์คลาสสิกไปพร้อมกัน และยังเป็นไฟเลี้ยวในตัวด้วย

ความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ดังนั้นจึงไม่มีกระจังหน้าเหมือนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป กันชนหน้ามีการตกแต่งด้วยกรอบโครเมียมเพิ่มความหรูหราและมีช่องรับอากาศที่ชายด้านล่างสำหรับช่วยในการไหลเวียนอากาศและระบายความร้อนระบบไฟฟ้า

ตัวถังด้านข้างมาในสไตล์เรียบๆ พร้อมกระจกมองข้างสีเดียวกับสีของหลังคาและมือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ ชายล่างตัวถังเป็นพลาสติกสีดำ มีช่องเสียบปลั๊กชาร์จไฟอยู่ที่บริเวณซุ้มล้อหน้าฝั่งซ้าย ในส่วนของดีไซน์ท้ายรถโดดเด่นด้วยไฟท้าย LED Bar แถบคาดยาวฝังอยู่ในกระจกบานหลัง ดูสวยงามและล้ำสมัยไม่เหมือนใคร ดีไซน์ของกันชนท้ายให้อารมณ์สปอร์ต มีไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED สปอยเลอร์หลังคา และเสาอากาศครีบฉลาม

ส่วนด้านข้างเสริมความเท่ด้วยคิ้วขอบล้อและสเกิร์ตข้างลายคาร์บอนไฟเบอร์เชื่อมต่อกันเหมือนเป็นชิ้นเดียว มือจับประตูและกระจกมองข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ แต่กรอบกระจกหน้าต่างและเสา B-pillar เป็นสีดำเงาทั้งหมด มีช่องเสียบปลั๊กชาร์จไฟอยู่ที่บริเวณซุ้มล้อหน้าฝั่งซ้าย

ล้ออัลลอย รุ่นเริ่มต้น 400 Tech จะได้ล้อฝาครอบขนาด 17 นิ้ว หุ้มยาง 205/55 R17 ส่วนรุ่นกลาง 400 Pro  500 Ultra และ GT จะได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หุ้มยาง 215/50 R18 จากแบรนด์ Giti โดยรุ่น GT มีการออกแบบลวดลายโดยใช้แนวคิดของกรงเล็บแมวตกแต่งเพิ่มความเท่ด้วยแถบสีแดงที่วงล้อ และที่สะดุดตามากๆ คือคาลิปเปอร์เบรกสีแดงสดโดดเด่นอยู่ด้านใน ภาพรวมให้อารมณ์สปอร์ตได้แบบเต็มพิกัด

ภายใน INTERIOR

ดีไซน์ภายในสุดล้ำ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องโดยสารของ ora good cat สร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัยผสานกับการใช้วัสดุคุณภาพสูงและงานประกอบปราณีต รุ่นเริ่มต้น 400 Tech และรุ่นกลาง 400 Pro ห้องโดยสารจะมาในโทนสีดำ รุ่น 500 Ultra จะมี 3 สี ได้แก่ สีดำ สีเทา-เขียว และสีน้ำตาล-เบจ ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก ส่วนรุ่น GT เป็นโทนดำ-แดง

 แดชบอร์ดมีการออกแบบให้ดูเรียบหรู เด่นชัดด้วยเส้นแนวนอนของช่องลมแอร์ หน้าจอมาตรวัดดิจิตอลและหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์เชื่อมต่อเป็นแผงยาวเดียวกัน โดยรวมให้ความรู้สึกทันสมัยและหรูหราเหมือนรถยุโรป วัสดุบนแดชบอร์ดของรุ่นเริ่มต้น 400 Tech เป็นหนังสังเคราะห์ ส่วนรุ่นกลาง 400 Pro และรุ่น 500 Tech และ GT จะเป็นหนังกลับ ขณะที่แผงประตูด้านข้างจะมีการตกแต่งด้วยหนังบุนุ่มลาย Diamond cut เพิ่มความหรูให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับคอนโซลกลางที่เป็นกล่องเก็บของขนาดใหญ่และเป็นที่วางแขนหุ้มหนังในตัว

 

เบาะนั่งของรุ่น 400 Tech เป็นวัสดุผ้าและปรับตำแหน่งด้วยมือทั้งหมด ส่วนรุ่น 400 Pro 500 Ultra และ GT จะเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์สลับกับหนังกลับเพื่อความหรูหราและมาพร้อมเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนเบาะตัวอื่นจะเป็นปรับมือตามปกติ สำหรับรุ่น 500 Ultra และ GT จะมีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเข้ามา ได้แก่ ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับพร้อมระบบ Welcome Seat ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะของผู้ขับและกระจกมองข้าง และมีระบบเบาะนวดไฟฟ้าสำหรับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ถ้าห้องโดยสารและเบาะนั่งเป็นสีดำ ส่วนที่เป็นรอยเย็บตะเข็บทั้งหมดจะใช้ด้ายสีน้ำเงินเพื่อความสวยงามและแสดงถึงการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยรุ่น GT ตกแต่งถ้วยแถบสีแดงและตราสัญลักษณ์ GT ที่พนักพิงศีรษะในทุกตำแหน่ง

พวงมาลัยดีไซน์แบบ 2 ก้าน ให้ความรู้สึกล้ำสมัยมากๆ บนพวงมาลัยมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มควบคุมหน้าจอมาตรวัดดิจิตอล และปุ่มปรับการทำงานของระบบ Adaptive Cruise Control จุดเด่นคือคอนโซลกลางจะโล่งมากไม่มีคันเกียร์มาเกะกะ ทว่ามีเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ลักษณะเป็นแป้นหมุนทรงกลมดีไซน์สวยงาม การใช้งานง่าย กดปุ่มตรงกลางเป็นเกียร์ P บิดมาซ้ายสุดเป็นเกียร์ R บิดมาตรงกลางเป็นเกียร์ N บิดขวาสุดเป็นเกียร์ D

ส่วนของหน้าจอมาตรวัดดิจิตอลมีขนาด 7 นิ้ว จอภาพมีความละเอียดสูง แสดงผลคมชัด กราฟิกและหน้าตาเมนูต่างๆ สวยงามอ่านค่าง่าย นอกจากนี้แป้นเหยียบคันเร่งยังมีระบบ Intelligent Single Pedal สำหรับควบคุมการเร่งและชะลอความเร็วได้ในแป้นเดียว  

เบาะนั่งด้านหลังมาพร้อมกับความสะดวกสบาย มีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย เข้า-ออกรถได้อย่างสะดวก สามารถพับพนักพิงหลังได้แบบ 60:40 และมีที่พักแขนตอนกลางพร้อมช่องวางแก้ว ในส่วนของพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีความจุปกติ 228 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 858 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง

ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติพร้อมระบบกรองฝุ่น PM2.5 มีช่องชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (รุ่น 400 Pro 500 Ultra และ GT) มีช่อง USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 1 ตำแหน่ง มีช่องจ่ายไฟ 12V 1 ตำแหน่ง กระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้าแบบ one touch ทั้ง 4 บาน รวมถึงมีเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติ

อีกจุดที่น่าสนใจคือระบบกุณแจ Smart Key และระบบ Quick start system รถจะไม่มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ทั่วไป การเริ่มต้นใช้งานรถทำได้ง่ายๆ เพียงพกกุญแจติดตัวไว้ เมื่อเข้ามานั่งประจำที่หลังพวงมาลัยเพียงแค่เหยียบคันเร่งรถจะพร้อมใช้งานทันที เป็นการเพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในขั้นตอนการสตาร์ทรถ



ระบบอินโฟเทนเมนต์สุดล้ำ

ไฮไลท์สำคัญอีกอย่างของ ora good cat คือระบบอินโฟเทนเมนต์สุดล้ำ แสดงผลบนหน้าจอสัมผัสแบบจอกว้างขนาด 10.25 นิ้วที่บริเวณกึ่งกลางแดชบอร์ด เป็นระบบมาพร้อมกับฟังก์ชันใช้งานพื้นฐานที่ครบครันทั้งหมด รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ความล้ำที่สุดก็คือรองรับการสั่งงานระบบความบันเทิงและฟังก์ชันสำคัญของรถด้วยเสียงภาษาไทย อาทิ เพิ่ม-ลดอุณหภูมิแอร์ เปิดวิทยุ ค้นหาสถานที่ เปิดกระจกหน้าต่าง เปิดซันรูฟ เป็นต้น นอกจากนี้ระบบยังเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลาเพื่อให้สามารถเข้าบริการออนไลน์ต่างๆ ได้ อาทิเช่น ดูรายงานการจราจร การพยากรณ์อากาศ ดูข่าวสาร เป็นต้น

 นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ จึงสามารถตรวจสอบสถานะของรถยนต์จากหน้าจอมือถือได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นตรวจสอบประตู หน้าต่าง หลังคาซันรูฟ ตรวจดูปริมาณไฟในแบตเตอรี่ ดูระยะทางขับขี่คงเหลือ ดูอุณหภูมิและแรงดันลมยาง เตือนเมื่อปริมาณไฟในแบตเตอรี่เหลือน้อย เตือนอุณหภูมิแบตเตอรี่สูง รวมถึงดูตำแหน่งรถยนต์ กำหนดขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ และสั่งการรถยนต์จากระยะไกล เช่น สั่งล็อก-ปลดล็อกรถ สั่งเปิดกระจก สั่งเปิดซันรูฟ สั่งเปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้า เป็นต้น เรียกว่าเป็นรถอัจฉริยะอย่างแท้จริง

ในส่วนของลำโพง รุ่นเริ่มต้น 400 Tech มีมาให้ 4 ตำแหน่ง ส่วนรุ่น 400 Pro 500 Ultra และ GT มีลำโพงมาให้ 6 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถยนต์ด้วย

เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ

 ora good cat ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมคุณสมบัติของการเป็นรถขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ Level 2+ จากระบบช่วยขับขี่สุดล้ำมากมายที่ใส่มาให้แบบจัดเต็มเกินกว่าคู่แข่งหลายรุ่น เริ่มต้นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามรถคันหน้าหรือ Adaptive Cruise Control (มีในรุ่น 400 Pro และ 500 Ultra) ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ

 เมื่อเปิดใช้งานควบคู่กับระบบช่วยรักษาให้รถอยู่กึ่งกลางเลน จะเปรียบเสมือนว่ารถสามารถขับเคลื่อนได้เอง สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วตามรถคันข้างหน้าพร้อมกับรักษาระยะห่างตามที่กำหนดไว้ รวมทั้งยังสามารถเลี้ยวเข้าโค้งได้เองโดยรถจะอยู่กึ่งกลางเลนตลอด นี่คือการทำงานของระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติที่ถือว่าเป็นกึ่งๆ การขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่น่าสนใจและช่วยแบ่งเบาภาระการขับขี่ทางไกลได้เป็นอย่างดี

 นอกจากระบบข้างต้นแล้ว ยังมีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (มีเฉพาะในรุ่น 500 Ultra และ GT) ระบบนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดได้ทั้งแบบซองแนวลึก ซองแนวทแยง และซองด้านข้าง มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ยังถอยจอดรถไม่เก่ง นอกจากนี้ รุ่น 400 Pro  500 Ultra และ GT ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน ระบบช่วยรักษาให้รถอยู่กลางเลน ระบบเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก

 สำหรับรุ่นท็อป 500 Ultra และ GT จะมีระบบช่วยขับขี่เพิ่มเข้ามาอีกหลายตัว ได้แก่ ระบบควบคุมให้รถอยู่ในเลนในสภาวะฉุกเฉิน มีระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง ระบบช่วยเตือนมีรถอยู่ในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง ทั้งนี้ ora good cat ทั้ง 4 รุ่นจะมีเหมือนกันคือระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ

สุดยอดความปลอดภัย

สำหรับอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถยนต์ใส่มาให้อย่างครบครัน ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร (คู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง, ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า-ด้านหลัง 6 จุด ระบบเตือนเมื่อใช้ความเร็วสูงเกินกำหนด มีระบบสร้างเสียงเตือนผู้คนรอบข้าง ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง และจุดยึด isofix ในภาพรวมถือว่ามีครบทั้งหมดตามมาตรฐานรถยนต์สมัยใหม่

ที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้น รถยนต์ทุกคันมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กิโลเมตร

ภาพจาก : Gwm thailand

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้