X

NEW MG ES เปิดราคา 959,000 พร้อมมอบโปรฯพิเศษมูลค่ารวม 90,453 บาท

Last updated: 22 Aug 2023  |  354 Views  | 

NEW MG ES เปิดราคา 959,000 พร้อมมอบโปรฯพิเศษมูลค่ารวม 90,453 บาท

ค่าย MG ประกาศราคารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ NEW MG ES เปิดราคา 959,000 พร้อมมอบโปรฯพิเศษมูลค่ารวม 90,453 บาท ประกาศพร้อมส่งมอบรถภายในเดือนเมษายนนี้

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ประกาศราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ New MG ES รถยนต์ Station Wagon พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้คอนเซ็ปต์ “COMFORTABLE ที่พร้อมเป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์ของครอบครัว สานต่อความมุ่งมั่น ในการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพที่ผสมผสานดีไซน์อันเรียบหรูดูล้ำสมัยในแบบฉบับ New Era Design รถขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางพร้อมฟังก์ชันสุดครบครัน ด้วยห้องโดยสารที่กว้าง นั่งสบาย เบาะหลังเลือกปรับพับได้ดั่งใจแบบ 60:40 พร้อมระบบความปลอดภัยรอบคัน ตอบรับทุกการใช้งานอย่างลงตัว ด้วยราคาจำหน่ายสุทธิ 959,000 บาท พร้อมมอบแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัว รวมมูลค่า 90,453 บาท

  • รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน
  • ฟรี! MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
  • ฟรี! ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER
  • ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
  • ฟรี! สาย V2L จำนวน 1 ชุด
  • พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร(แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบของ New MG ES ครั้งนี้ MG พร้อมรับจองในงาน MOTOR SHOW 2023 และโชว์รูมทั่งประเทศ ได้แล้ววันนี้ จนถึง 2 เมษายน 2566 โดยมีความพร้อมทยอยส่งมอบรถให้ถึงมือลูกค้าภายในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป


นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอ NEW MG ES ในฐานะ “รถรุ่นใหม่” ของครอบครัว ด้วยจุดเด่นมากมายและการผสานการใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยในการขับขี่ เข้ามาเติมเต็ม ความสมบูรณ์แบบให้กับรถเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดย NEW MG ES มาพร้อมแนวคิด “COMFORTABLE” คือ สเตชันวากอนอีวี แนวใหม่กับประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและเหนือระดับ มาพร้อมกับสไตล์การออกแบบที่เรียบหรู แต่ดูล้ำสมัยเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ถือเป็นนิยามใหม่ของความพรีเมียมที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า

"กลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มี Modern Lifestyle ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในบ้านเดียวกันเท่านั้น ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนและคนสนิท ที่เน้นการมีไลฟ์สไตล์ในรูปแบบที่หลากหลายร่วมกัน โดย NEW MG ES ถือเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆ โมเม้นต์สำคัญของการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้"

NEW MG ES จะมีกำหนดการทยอยส่งมอบให้ถึงมือลูกค้าภายในเดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในฐานะ ผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดรถไฟฟ้าในไทย ไม่เพียงนำเสนอยนตรกรรมที่มีความก้าวล้ำทางด้านสมรรถนะและผสมผสานเข้ากับดีไซน์ที่เรียบหรูแต่ครบครันไปด้วยฟังก์ชันที่ใช้ได้จริงแล้ว เอ็มจี ยังเดินหน้าขยาย ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ECOSYSTEM ให้ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ สังคมอีวีอย่างแท้จริง ทั้งการตั้งเป้าหมายการขยายสถานีชาร์จเร็ว หรือ MG SUPER CHARGE STATION ในโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ ให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ทั่วประเทศ โดยทุกๆ 150 กิโลเมตร จะมีสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 สถานีให้บริการ อีกทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จแบบไวในพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายในการดูแลและบำรุงรักษารถไฟฟ้าโดยช่างผู้ชำนาญงานในทุกศูนย์บริการเอ็มจี เพื่อทำให้คนไทยมั่นใจในการใช้รถไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้น”

ภายนอก : โดดเด่นด้วยดีไซน์สเตชั่นแวกอน ให้ความรู้สึกพรีเมียมล้ำสมัยเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ด้วยห้องโดยสารขนาดขนาดใหญ่ และใช้งานได้จริง

ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED โฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
 
มิติตัวถัง ยาว 4,600 มิลลิเมตร กว้าง 1,818 มิลลิเมตร สูง 1,543 มิลลิเมตร ระยะความยาวฐานล้อ 2,665 มิลลิเมตร ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ยางขนาด 215 / 50 R17 ระยะต่ำสุดจากพื้น 115 มิลลิเมตร ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED ได้รับการออกแบบโฉมใหม่ Light Curtain Design ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)

 กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และ สปอยเลอร์หลัง ฝาปิดห้องเครื่องด้านหน้า และที่ปิดห้องเก็บสัมภาระท้าย ชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม

สีตัวถังมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN

 

ภายใน : ดีไซน์เน้นความพรีเมียมที่ใช้งานได้จริง มีห้องโดยสารให้ความรู้สึกเรียบหรู กว้างขวาง ด้วยดีไซน์ ENERGETIC BLUE STRIP มาพร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats รองรับสรีระของผู้นั่ง กับความสามารถในกระจายน้ำหนัก ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง มีพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร

คอนโซลเป็นแบบ DOUBLE LAYER มีพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN มีผิวสัมผัสที่สบายและดูแลรักษาง่าย ให้ความรู้สึกพิเศษด้วยเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40

พวงมาลัยที่ให้มาเป็นมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง มีระบบควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ ส่วนของหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลมีขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสมีขนาด 25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด ใช้งานสะดวกด้วยระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE- C สามารถรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android

กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart key) พร้อมปุ่ม Push Start

E- PERFORMANCE: สเตชั่นแวกอนอีวีแนวใหม่ให้ความมั่นใจในประสิทธิภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด แพล็ตฟอร์มระบบส่งกำลัง SAIC E1 THREE - ELECTRIC SYSTEM มาพร้อมขุมพลังที่ให้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ให้พละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ช่วงล่างเป็นแบบ EURO TUNING SUSPENSION ให้การทรงตัวที่ดี ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม

ส่วนของแบตเตอรี่ เป็นลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh  ได้มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) มาพร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) มี 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย

ระบบความปลอดภัย

โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS)ดังนี้

  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK
(Emergency Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 2 จุด
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
  • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
  • สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
  • ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

ส่วนของระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART มาในรูปแบบ Lite version ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกสบายของผู้ใช้งานไปอีกขั้น ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้า  เพียงปลายนิ้วสัมผัส

SMART CHECK (ระบบตรวจเช็คอัจฉริยะ)

  • ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
  • ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
  • ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
  • ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
  • ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)

  • กุญแจดิจิตอล
  • ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
  • ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
  • ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
  • ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้