“ดอนเมือง โทลล์เวย์” จับมือ EVme เปลี่ยนรถผู้บริหารเป็นรถ EV และเตรียมทดลองใช้กระบะไฟฟ้า NEX เป็นรถลากจูง

“ดอนเมือง โทลล์เวย์” เข้าสู่โหมด EV โดยจับมือกับ EVme เปลี่ยนรถผู้บริหารเป็นรถไฟฟ้า พร้อมติดตั้งสถานีชาร์จแบบ DC FASTSHARGE 2 หัวชาร์จ แบบ AC 1 หัวชาร์จ และเตรียมทดลองใช้กระบะไฟฟ้าของ NEX เป็นรถลากจูง

จับตา “ดอนเมือง โทลล์เวย์” เข้าสู่โหมด “EV” เร่งการขับเคลื่อนองค์กรบรรลุเป้าหมาย Net Zero เร็วขึ้น 35 ปี

การนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ผสานเข้ากับการดำเนินงานของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) ส่งผลให้ได้รับการประเมินด้านการกำกับกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ด้วยคะแนนในระดับดีมาก (4 ดาว) รวมทั้งได้รับการคัดเลือกอยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) และรางวัลอื่นๆ

ความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่น่าติดตามดูว่า “บริษัทมหาชน” แห่งนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน และมีการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในองค์กรอย่างไร?

หากเข้าไปดูนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนจากเว็บไซต์ www.tollway.co.th จะเห็นว่าได้มีการวางแผนการพัฒนาเอาไว้อย่างเป็นระบบทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังมีการขับเคลื่อนกันอย่างคึกคักทั้งในภาครัฐ และเอกชน มีการตั้งเป้าหมายให้ไทยมีค่าเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 แต่ “DMT” ได้มีการกำหนดเป้าหมายให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

นั่นคือกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเร็วขึ้นกว่าเดิม 5 ปี จากปี 2030 เป็นปี 2025 ปรับเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนเร็วขึ้นกว่าเดิม 15 ปี ปรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ เร็วขึ้นกว่าเดิม 35 ปี จากปี 2065 เป็นปี 2050

นายนพพล โพธิ์ขี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) กล่าวในโอกาสไปโชว์ผลงานใน The Roads & Traffic Expo Thailand 2023 คือการลดก๊าซเรือนกระจกทุกกิจกรรมของบริษัท ซึ่งมีการจัดแสดงผลงานด้านสิ่งแวดล้อมในส่วนของการเก็บค่าผ่านทางโครงการ 3Rs  ลดการใช้ (reduce) นำกลับมาใช้ซ้ำ (reuse) นำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) เริ่มจากระบบเก็บเงินผ่านบัตร Smart Purse ไม่ต้องใช้ใบเสร็จทำให้ขับรถผ่านได้เร็ว ทำให้การจราจรคล่องตัว ช่วยลดมลพิษ ส่วนบัตรแบบเดิมที่เป็นกระดาษก็เอาไปรีไซเคิล

ส่วนกิจกรรมภายในบริษัทก็มีการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ขององค์กร เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในกิจกรรมทุกด้านมีการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจก การรีไซเคิลกระดาษ รีไซเคิลขยะ มีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน และมีการเปลี่ยนรถผู้บริหารเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ก็จะทำให้สามารถลดการใช้พลังงานประเภทใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

สำหรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า บริษัททำอยู่ 2 ส่วนหลัก ๆ เป็นการทำภายในกิจการก่อน พยายามใช้รถอีวีให้มากที่สุด ด้วยการเปลี่ยนรถผู้บริหาร เปลี่ยนรถปฏิบัติการให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้ได้มีการศึกษาเทคโนโลยีของรถว่ามีความพร้อมไหม เรื่องราคาเริ่มโอเค ราคารถอาจจะสูงกว่ารถสันดาปนิดหน่อย แต่มีรีเทริน์ที่ดี เซฟกว่ารถใช้น้ำมัน เราจะมีทาร์เก็จการลดก๊าซเรือนกระจก หากมีกิจกรรมภายในองค์กรจะเลือกใช้รถอีวีดำเนินการ ส่วนของลูกค้าก็ส่งเสริมให้ลูกค้ารับรู้เรื่องการใช้รถอีวีเพื่อลดมลพิษด้วยการให้แต้มกรีนพ้อยท์

“การให้แต้มเป็นการทำกิจกรรม CRM ส่งเสริมให้ลูกค้าใช้โทลล์เวย์มากขึ้น หากรถวิ่งข้างบนมากขึ้น ทำให้รถติดน้อยลงจะช่วยลดมลพิษได้ ตรงนี้เราส่งเสริมด้วยการให้แต้มเป็นกรีนพ้อยท์ให้กับลูกค้า หากใครใช้ระบบส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเราก็ให้ดับเบิ้ลพ้อย แต้มที่ลูกค้าได้รับสามารถนำไปแลกสินค้าบริการของระบบ ซึ่งเราจะมีการจัดกิจกรรมตรงนี้เป็นครั้ง ๆ ไป”

นายนพพล เปิดเผยว่าบริษัทกำลังอยู่ระหว่างทดลองใช้รถ EV โดยการบาร์เตอร์รถเช่าจาก EVme คือเรามีนโยบายทยอยเปลี่ยนรถผู้บริหารเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตามรอบ ถ้ารถที่ใช้อยู่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนจะพิจารณาเปลี่ยนเป็นรถ EV สำหรับในปีนี้เปลี่ยนแล้ว 2 คัน และมีนโยบายเปลี่ยนในปีหน้าอีก 5 คัน ในส่วนของรถปฏิบัติการที่ตอนนี้ใช้รถกระบะ เพราะต้องใช้ลากจูง การจะเปลี่ยนเป็น EV ต้องดูเรื่องทอล์คเป็นหลัก ถ้ามีรถกระบะที่มีสมรรถนะทดแทนรถสันดาปได้ก็จะพยายามเอามาใช้ ซึ่งขณะนี้กำลังจะนำรถกระบะไฟฟ้าแบรนด์ NEX มาทดลองใช้

นอกจากจะมีการเริ่มใช้รถ EV แล้ว “ดอนเมืองโทลล์เวย์” ยังมีการติดตั้งสถานีชาร์จ EV ออนไอออนให้บริการเป็น เครื่องชาร์จ DC 2 หัวชาร์จ AC 1 หัวชาร์จ เพื่อรองรับการใช้รถ EV ของผู้บริหารที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ประกอบกับกำลังคิดกลไกการนำพลังงานสะอาดมาชาร์จรถอีวี ถ้ามีโซลาร์รูฟท็อปปล่อยกระแสไฟลงมาในช่วงที่ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทำให้เป็นช่วงที่ไม่มีต้นทุนค่าพลังงาน ก็อาจส่งเสริมให้พนักงานที่ใช้รถ EV นำรถมาชาร์จไฟ ตอนนี้ยังเป็น strategy ที่ต้องมีการขับเคลื่อนต่อไป